ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family) - บทที่ 32 เจ้า 7
บทที่ 32 เจ้า 7
คาร์ลออกจากลานฝึกซ้อมพร้อมกับเชวฮัน
“ฮันส์..รอน….จัดการพาสองคนที่อยู่ด้านในออกมาที”
คาร์ลได้สั่งให้ฮันส์และรอนที่รออยู่ด้านนอกทางเข้าลานฝึกซ้อมชั้นใต้ดินให้พาโรสลินและล็อกออกมาจากด้านในและจัดการดูแลความสะดวกของทั้งสองให้เรียบร้อย ขณะที่คาร์ลมุ่งหน้ากลับไปยังห้องของตนพร้อมกับเชวฮันทันที โต๊ะที่ถูกวางอาหารเย็นชืดที่ถูกจัดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ได้อยู่ตรงหน้าระหว่างพวกเขาทั้งสองคนแล้ว ก่อนที่คาร์ลจะเริ่มพูดขึ้น
“เล่าให้ข้าฟังที”
“ขอรับ…”
ทั้งสองสามารถเข้าใจกันได้ในทันทีโดยไม่ต้องมีการเกริ่นนำใดๆ เชวฮันยืดตัวขึ้นเล็กน้อยและเริ่มพูด
“ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนกระทั่งกระผมได้พบกับโรสลิน”
“..เล่าต่อไป..”
“กระผมมาถึงเมืองที่ท่านคาร์ลได้บอกเอาไว้ เมื่อไปถึงที่นั่นก็ได้พบกับสมาคมพ่อค้ากลุ่มหนึ่งที่มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงตามที่ท่านคาร์ลได้อธิบายเอาไว้ มันเป็นเพียงแค่กลุ่มพ่อค้าเล็กๆที่มีคนเพียงห้าคนจนไม่อาจเรียกได้ว่ากลุ่มสมาคมพ่อค้าได้”
หากเรียกว่ากลุ่มพ่อค้าขนาดเล็กจะสามารถอธิบายได้ชัดเจนกว่ากลุ่มสมาคมพ่อค้าเสียอีก
“พวกเขาได้จัดหาทหารรับจ้างสองนายเพื่อคอยคุ้มกันพวกเขามันย่อมเป็นเช่นนั้นเพราะผู้คุ้มกันของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ”
ตามเนื้อหาในนิยาย เชวฮันและโรสลินจะกลายเป็นทหารรับจ้างสองนายนั่น
“และนั่นทำให้กระผมได้พบกับโรสลินตามที่ท่านคาร์ลได้บอกเอาไว้”
อาณาจักรเบร็คอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมัน ตอนแรกโรสลินต้องการออกจากอาณาจักรเบร็คเพื่อมุ่งหน้าไปยังหอคอยพลังเวทย์ที่อยู่ในอาณาจักรวิปเปอร์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอาณาจักรโรมัน ก่อนที่จะมีคนพยายามลอบสังหารเธอขณะที่เดินทางผ่านอาณาจักรโรมันไป
เธอซ่อนทักษะการใช้พลังเวทย์ของเธอเกือบครึ่งหนึ่งเอาไว้และรอเวลาสำคัญในการหลบหนีก่อนที่เธอจะสามารถใช้ทักษะทั้งหมดที่เธอมีหลบหนีจากอันตรายมาได้ เธอคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่ดูฉลาดกว่าหากจะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันเพื่อหาข้อมูลบ้างส่วนจากสมาคมพ่อค้าแทนที่จะกลับไปยังอาณาจักรเบร็คโดยที่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนร้ายที่พยามลอบสังหารเธอเลย
‘และเมื่อถึงเวลานั้นเธอจะเป็นสาเหตุของสถานการณ์บางอย่างเมื่อเดินทางกลับไปถึงอาณาจักรเบร็ค’
เชวฮันได้เล่าถึงการพบกันระหว่างเขากับโรสลินที่เป็นทหารรับจ้างของกลุ่มพ่อค้าต่อไปเรื่อยๆ
“เธอกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงและตั้งแต่ที่เรามุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงด้วยกันเราก็ค่อนข้างที่จะเป็นมิตรต่อกันมากขึ้น”
‘ห๊ะ?’
“หืม?….เป็นมิตรเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่…”
เชวฮันพูดขึ้นด้วยท่าทางที่ดูเก้อเขินเล็กน้อย
“กระผมไม่ใช้คนที่จะเริ่มพูดคุยกับคนอื่นได้ถ้าหากพวกเขาไม่พูดกับกระผมก่อนแต่…กระผมคิดว่าพวกเราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้”
“ไม่จริงน่า….เจ้าต้องทำตัวตามปกติเหมือนที่เคยทำสิ”
คาร์ลมีสีหน้าเป็นกังวล ในนิยายเรื่องนี้ทั้งเชวฮันและโรสลินจะไม่ได้เข้าใกล้กันจนกว่าพวกเขาจะได้พบกับล็อก โรสลินกลายเป็นคนระวังตัวหลังจากที่โดนลอบสังหารจึงทำให้เธอไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครเช่นเดียวกับเชวฮันหลังจากเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ในหมู่บ้านแฮร์ริสเขาจึงกลายเป็นคนที่ไม่น่าจะเป็นมิตรกับใครได้อีก
เชวฮันพยักหน้าตอบรับกับคำพูดของคาร์ลก่อนที่จะยิ้มออกมาและพูดเพิ่มเติม
“มันไม่ได้เป็นสิ่งที่กระผมมักจะทำแต่กระผมต้องการทำในสิ่งที่มันถูกต้องเพราะนี่เป็นวิธีของกระผมที่จ่ายเงินคืนท่านได้”
เฮ้อ……คาร์ลถอนหายใจออกมาและส่ายศีรษะของตนเบาๆ
เชวฮันดูเหมือนจะคาดหวังว่าเขาสามารถจัดการมันได้อย่างดีก่อนที่เขาจะพูดต่อด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมขึ้น
“กลุ่มคนพวกนั้นวางแผนที่จะพักในหมู่บ้านที่ท่านคาร์ลกล่าวไว้ว่ากระผมจะได้พบกับล็อกและจะพักอยู่ที่นั่น2-3 วันก่อนออกเดินทางต่อ”
นั่นคือเรื่องจริงที่ว่ากลุ่มพ่อค้าเล็กๆ5คนนั่นถูกก่อตั้งขึ้นจากคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินและผู้คุ้มกันที่ได้รับบาดเจ็บก็เป็นนักรบผู้คุ้มกันจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินจริงๆ
พ่อค้าได้จงใจที่จะเลือกใช้เส้นทางที่ห่างไกลจากเมืองพัซเซิลไปยังเมืองหลวงเพื่อส่งมอบสิ่งของที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันให้แก่ชาวเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินและได้รับสุมนไพรหายากเป็นของแลกเปลี่ยน
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ยากลำบากเช่นเดียวกับการเสียเวลามากยิ่งขึ้นหากต้องเดินทางลึกเข้าไปในภูเขาซึ่งเป็นที่อยู่ของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงิน นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาได้นัดพบกันที่หมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ด้านล่างของภูเขาแทน ในตอนนี้พ่อค้าคนนี้มีอายุได้ 60 ปีและเขาได้เป็นหุ้นส่วนกับเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินมาได้สามสิบปีแล้ว
“แต่มีบางอย่างเกิดขึ้น..เมื่อเรามาถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้แล้ว”
คาร์ลเริ่มตื่นตัวเมื่อได้ยินเชวฮันเอ่ยขึ้น เรื่องที่สำคัญจะเริ่มตั้งแต่ตรงนี้สินะ?
“ทันทีที่เราเดินทางถึงหมู่บ้าน…กระผมจึงได้ทราบว่าผู้คุ้มกันเป็นสัตว์อสูรของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินและกระผมก็ได้รู้ว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะไปพบกับสมาชิกของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินเพื่อทำการค้าด้วยกันซึ่งก็เป็นหมู่บ้านเดียวกับที่ท่านคาร์ลได้บอกเอาไว้”
คาร์ลพยักหน้าให้กับคำพูดของเชวฮัน เขารู้ว่าว่าเชวฮันเป็นคนที่เข้าใจอะไรๆได้ง่ายมาก
“นั่นเป็นเหตุผลที่กระผมเชื่อว่า..จำเป็นที่จะต้องติดตามสมาชิกของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อตามหาล็อกให้เจอให้ได้”
‘แต่สมาชิกของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินก็ไม่มีใครปรากฏตัวขึ้น’
“แต่…ไม่มีใครปรากฏตัวขึ้นเพื่อทำการค้าสักคนเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้วพ่อค้าจึงได้ขอให้เราช่วยพวกเขาเพิ่มเติม”
คาร์ลนึกถึงคำขอที่พวกเขาจะได้รับ
‘เข้าไปในหมู่บ้านของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินพร้อมกับผู้คุ้มกันจากเผ่าที่ได้รับบาดเจ็บ’
“เหล่าพ่อค้าขอให้พวกเราเข้าไปในหมู่บ้านของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินพร้อมกับผู้คุ้มกันที่ได้รับบาดเจ็บ”
“แล้วเจ้าก็เห็นด้วยเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่…ทั้งกระผมและโรสลินต่างคิดเช่นเดียวกัน”
มันยังคงเป็นเรื่องราวเช่นเดียวกับในนิยายเพียงแต่อาจมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปได้?
ในนิยายเรื่อง ‘กำเนิดวีรบุรุษ’ เชวฮันและโรสลินได้เดินทางเข้ามาถึงหมู่บ้านของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินพร้อมกับนักรบผู้คุ้มกันของเผ่า ก่อนที่จะเห็นเพียงหมู่บ้านที่ถูกทำลายพร้อมกับนักฆ่าจากองค์กรลับที่พยายามจะออกไปจากหมู่บ้าน เชวฮันได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านแฮร์ริสและเริ่มโจมตีพวกเขาทันที พร้อมๆกับที่นักรบผู้คุ้มกันของเผ่าจะเกิดการคลุ้มคลั่งและเริ่มสังหารเหล่านักฆ่าทันที เขาได้รับบาดเจ็บมากขึ้นจากการต่อสู้ในครั้งนี้และจบลงด้วยความตาย
‘และนั่นทำให้โรสลินเห็นความแข็งแกร่งของเชวฮัน’
โรสลินผู้ซ่อนความแข็งแกร่งของตนและปลอมตัวเป็นเพียงนักเวทย์ขั้นต้นเท่านั้น เธอได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเชวฮันและขอให้เขากลับไปยังอาณาจักรเบร็คเป็นเพื่อนเธอให้ได้ แน่นอนว่าค่าตอบแทนที่เธอเสนอให้เขานั้นเป็นจำนวนมาก
‘ทั้งสองคนได้พบกับล็อกที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านที่ถูกทำลายอย่างราบคาบนี้’
‘ล็อก’เด็กชายหมาป่าที่แสนขี้ขลาดเขายังคงซ่อนตัวอยู่ในจุดที่หัวหน้าเผ่าได้บอกกับเขาไว้จนกระทั่งเชวฮันหาเขาพบ บุคลิกที่สำคัญของล็อกนั้นเขาเป็นคนที่ขี้ขลาด อ่อนแอและเชื่องช้า เรียกได้ว่าตัวละครของล็อกเป็นตัวละครที่ทำให้นักอ่านรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญได้ง่ายมาก
อย่างไรก็ตามความสามารถที่แท้จริงและความแข็งแรงของร่ายกายของเขาก็ถูกจัดให้เป็นผู้แข็งแกร่งในห้าอันดับแรกของนิยายเรื่องนี้หลังจากที่เขาผ่านการกลายร่างเป็นครั้งแรกแล้ว
“ท่านคาร์ล….”
“อะไร?”
‘แต่ทำไมเวลาการกลายร่างของเขาถึงได้เกิดเร็วกว่าในนิยายถึงหนึ่งปี?’
“…ที่นั่น..ข้าเห็นบางอย่างที่ข้ารู้สึกคุ้นเคย”
“เจ้าเห็นอะไร?”
เชวฮันพยักหน้าให้กับคำถามของคาร์ล อาหารที่เย็นชืดถูกวางไว้ตรงหน้าของพวกเขาแต่มันอาจจะร้อนขึ้นได้อย่างอัตโนมัติจากบรรยากาศที่เริ่มคุกรุ่นของพวกเขาในตอนนี้ ก่อนที่เชวฮันจะเริ่มพูดต่อ
“ดาวสีแดงและดาวสีขาวห้าดวง”
คาร์ลตัวแข็งทื่อไปทันที เขารู้สึกได้ว่าหัวใจได้หล่นไปกองแทบเท้าแล้ว เชวฮันกล่าวว่าเขาได้พบกับทีมนักฆ่าที่เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการขององค์กรลับในเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินนั่น คาร์ลไม่เข้าใจในเรื่องนี้นัก..ทำไมนิยายเรื่องนี้จึงให้เผ่าหมาป่าสีน้ำเงินเป็นเป้าหมายของการถูกลอบสังหารได้
เชวฮันมองไปยังท่าทางที่แข็งกระด้างของคาร์ลและนึกถึงอดีตที่ผ่านมาชั่วครู่ เขาเริ่มกำหมัดของเขาแน่นขึ้นกำปั้นของเขากำลังสั่นด้วยความโกรธ
บ้านเรือนในหมู่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขามีขนาดเล็กและเรียบง่ายแต่ทั้งหมดล้วนถูกทำลายลง สิ่งสำคัญที่สุดคือซากศพของคนจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินที่มีสีดำสนิทราวกับว่าโดนไฟลาวาแผดเผา ศพสีดำมีกลิ่นไหม้และมีเลือดไหลออกจากบาดแผลของพวกเขา สมาชิกของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินส่วนใหญ่เสียชีวิตทั้งๆที่ตายังคงลืมอยู่
“หมู่บ้านนั่นถูกทำลายจนย่อยยับและเมื่อเราไปถึงที่นั่นสมาชิกของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินหลายคนก็จบชีวิตลงแล้ว”
เผ่าหมาป่าสีน้ำเงินขึ้นชื่อในเรื่องของความแข็งแกร่งหากเป็นเช่นนั้นทำไมองค์กรลับจึงสามารถฆ่าพวกเขาได้?
เพราะหมาป่าได้ยกให้ครอบครัว ฝูง และสหายมาก่อนตัวเองเสมอ
สำหรับสมาชิกของเผ่าที่เป็นเพียงเด็กยังคงมีกำลังอ่อนแอและไม่เคยผ่านการกลายร่างเป็นครั้งแรก นักฆ่าจากองค์กรลับได้จับพวกเขาไว้เป็นตัวประกันและใช้เครื่องมือเวทย์ที่ถูกสร้างมาจากพลังของพระเจ้าทำให้สมาชิกของเผ่าที่เป็นผู้ใหญ่อ่อนกำลังลงและลงมือฆ่าพวกเขาทันที หลังจากที่ฆ่าสมาชิกเผ่าวัยผู้ใหญ่แล้วจึงจะลงมือฆ่าเด็กๆ มีสมาชิกเผ่าวัยผู้ใหญ่จำนวน 2-3คนพยายามเข้าโจมตีกับเหล่านักฆ่าโดยการกลายร่างเป็นหมาป่าแต่พวกมันก็ใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์จัดการกับหมาป่าเหล่านั้นได้ในทันที
องค์กรลับนี้เป็นองค์กรที่แข็งแกร่งและสามารถเข้าถึงเครื่องมือเวทย์ที่ถูกสร้างมาจากพลังของพระเจ้าได้ทุกชนิด ความจริงที่ว่าเผ่าหมาป่าถูกปฏิเสธโดยพระเจ้านั่นจึงเป็นประโยชน์ของพวกมัน นักฆ่าจากองค์กรลับที่โหดเหี้ยมสำหรับพวกมันไม่มีปัญหาในการจับเด็กๆเป็นตัวประกันเพื่อลงมือฆ่าพ่อ แม่และสมาชิกทั้งหมดในเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินต่อหน้าของเด็กๆที่เฝ้าดูด้วยความหวาดกลัว
‘ในนิยายไม่ได้กล่าวถึงเครื่องมือเวทย์ของพระเจ้าที่พวกมันใช้อย่างละเอียด’
ถ้าคาร์ลรู้ว่าเครื่องมือเวทย์ของพระเจ้ามีลักษณะเช่นไรเขาก็สามารถเข้าใกล้ตัวตนที่แท้จริงขององค์กรลับได้อีกก้าวหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่นิยายเรื่องนี้อธิบายแค่ว่าสมาชิกของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินอ่อนกำลังลงด้วยเครื่องมือเวทย์ที่ทำมาจากพลังของพระเจ้าเท่านั้น ทำให้เขาไม่สามารถระบุตัวตนที่แน่ชัดขององค์กรลับนี้ได้
คาร์ลเอ่ยถามเชวฮันอย่างช้าๆ
“พวกเขาตายทั้งหมดหรือไม่?”
เชวฮันส่ายศีรษะของเขาเบาๆ นั่นทำให้คาร์ลชะงักค้างไปอีกครั้ง เชวฮันได้สังเกตเห็นท่าทางของคาร์ลในขณะที่เขาเริ่มพูดต่อ
“พวกมันพยายามที่จะจับตัวเด็กๆไว้”
‘พยายามจะจับตัวเด็กๆไว้?’ ตามเนื้อหาในนิยายพวกมันจะต้องลงมือฆ่าทุกคนในเผ่าแต่ทำไม…พวกมันจึงต้องการจับตัวเด็กๆของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินนี้ด้วย?
คาร์ลเริ่มสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชวฮันได้สบสายตากับคาร์ลที่กำลังครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด
“หัวหน้าเผ่ากำลังจะตายเมื่อเรามาถึงทางเข้าหมู่บ้านของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินนี้”
เผ่าหมาป่าสีน้ำเงินมีสมาชิกเผ่าน้อยกว่า 100 คน
“…และพวกมันพยายามที่จะเอาเด็กๆ 10 คนไปกับพวกมันด้วย”
‘……มันต่างจากเนื้อหาในนิยายมากเกินไป’
“ในตอนที่หัวหน้าเผ่าหมดลมหายใจไปแล้ว…มีเด็กชายคนหนึ่งพยายามขัดขวางกลุ่มนักฆ่าที่กำลังพาตัวเด็กๆออกไปจากเผ่า”
“ล็อก…..?”
“ใช่…..เขาคือล็อก”
‘ทำไมล็อกจึงปรากกฎตัวขึ้นในตอนนี้? ในนิยายเขาพยายามหลบซ่อนตัวแม้แต่ในตอนที่เด็กเล็กๆถูกฆ่าตาย หรือเขาคิดว่าการฆ่าและการลักพาตัวนั่นมันแตกต่างออกไป?บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องปกป้องสมาชิกในครอบครัวและเหล่าพี่น้องในเผ่าที่อ่อนแอกว่าตนก็เป็นได้? เเพราะสาเหตุใดกันนะถึงทำให้สัญชาตญาณหมาป่าของล็อกลุกโชนขึ้นได้?’
“ข้าพยายามหยุดพวกนักฆ่า….ไม่สิ…ข้าพยายามฆ่าพวกมัน”
เชวฮันเอ่ยขึ้นขณะที่มองไปที่คาร์ลที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาก่อนที่คาร์ลจะเรียกร้องให้เชวฮันเล่าต่อ
“เล่าต่อไป…..”
“…..กระผมตระหนักได้ว่าคนที่ไม่มีดาวบนเสื้อผ้าของพวกมันใช้พลังแห่งความมืดเช่นเดียวกับมือสังหารที่กระผมได้ลงมือฆ่าที่หมู่บ้านแฮร์ริส”
คาร์ลถามกลับด้วยความตกใจ
“มันเป็นพลังเช่นเดียวกับที่ใช้ทำลายหมู่บ้านแฮร์ริสเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่…..”
“…..นี่มัน…”
คาร์ลจับที่ศีรษะของตนและถอนหายใจ เขาพยายามทำตัวให้เหมือนว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้ แน่นอนว่ามันเป็นเพียงการแสดงละครเท่านั้น
“ในกลุ่มนักฆ่านั่นมีเพียงคนเดียวที่มีดาวสีแดงและดาวสีขาวห้าดวงอยู่บนอกเสื้อและมันเป็นคนลงมือฆ่าผู้คุ้มกัน”
เชวฮันเริ่มตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ไอ้ถังขยะสกปรกนั่นดื่มเลือดของคนจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงิน”
คาร์ลปิดตาของตนลง
‘นักเวทย์เล่นเลือด’… เขามันเป็นคนบ้า…ความบ้าของเขาจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่น่ากลัวในเมืองหลวง คาร์ลยังคงหลับตาของเขาในขณะที่หูก็ยังคงฟังสิ่งที่เชวฮันเล่าต่อไป
“แต่สุดท้ายกระผมก็ไม่สามารถจับตัวหรือฆ่าพวกมันได้ คนที่สามารถจับตัวไว้ได้ก็ชิงฆ่าตัวตายไปก่อนในขณะที่คนอื่นๆก็หายตัวไปเมื่อคนที่มีดาวติดอยู่ที่อกเสื้อใช้พลังเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสาร”
‘ทำไมนักเวทย์เล่นเลือดที่มีพลังเวทย์ขั้นสูงและบ้าคลั่งในเลือดเช่นนั้นจึงพยายามลักพาตัวเด็กๆของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินไปแทนการลงมือฆ่าพวกเขาทั้งหมดเหมือนในนิยายกันนะ?’
คาร์ลไม่สามารถคิดมันออกได้
‘ทำไมเรื่องมันจึงเปลี่ยนแปลงไปหมดหรือเป็นเพราะว่าฉันได้ช่วยมังกรเอาไว้?’
นั่นเป็นสิ่งที่เดียวที่คาร์ลนึกถึงได้มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เขาได้ลงมือทำให้มันต่างไปจากเนื้อเรื่องในนิยายมากกว่าเรื่องอื่น
“เจ้านักเวทย์นั่นมันได้กล่าวบางอย่าง”
เชวฮันเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธและเสียงเข้มขึ้น
“…น่าเสียดายจริงๆ…พวกเขาเป็นเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบ..เด็กๆเหล่านี้อาจจะมีเลือดที่รสชาติดีกว่าที่ข้าเคยลิ้มลอง”
เมล็ดพันธุ์?…..คาร์ลไม่รู้ว่านักเวทย์คนนี้หมายถึงอะไร แต่เขาเก็บคำถามเหล่านี้ไว้ในใจและลืมตาขึ้นเพื่อเอ่ยถามเชวฮัน
“แล้วตอนนี้เด็กๆอยู่ที่ใด?”
ผู้คุ้มกันและสมาชิกวัยผู้ใหญ่ของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินล้วนจบชีวิตลงหมดเหลือเพียงแค่เด็กๆ 10 คนและล็อกเท่านั้น
เชวฮันหลบสายตาของคาร์ลเป็นครั้งแรกตั้งแต่นั่งลงบนโต๊ะนี้ คาร์ลรู้สึกได้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องอะไรสักอย่างในขณะที่เชวฮันเอ่ยรายงานเขาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“พวกเขาทั้งหมดพักอยู่ที่โรงแรม”
‘…..ว่าแล้วไง……’
เชวฮันอ้าปากและหุบปากของเขาสลับไปมาสักพักก่อนที่จะรายงานเพิ่ม
“พวกเรามาที่นี่พร้อมกันด้วยพลังเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารของโรสลิน”
‘…..มันคงจะเป็นปัญหาจริงๆสินะ’
คาร์ลอาจต้องปวดหัวเพิ่มเติม เชวฮันควรที่จะทิ้งเด็กไว้กับพ่อค้าที่เดินทางไปด้วยแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยมีอำนาจแต่ก็นับได้ว่าเป็นพ่อค้าที่ดี
“ท่านคาร์ล….พ่อค้าก็พักอยู่ที่โรงแรมนั้นด้วย”
‘….เออ….แล้วเรื่องนี้มันจะเป็นอย่างไรต่อไปกันนะ?’
นั่นคือสิ่งที่คาร์ลกำลังคิดอยู่ในตอนนี้ เขาลอบสังเกตเชวฮันที่ดูเหมือนจะหมดเรื่องที่จะรายงานแก่เขาแล้ว ก่อนที่เชวฮันจะค่อยๆเอนตัวลงบนพนักเก้าอี้เพื่อถอนหายใจ
เมื่อเห็นท่าทางของเชวฮันเช่นนั้น คาร์ลจึงเอ่ยถามขึ้น
“ดูเหมือนว่าเจ้ายังมีเรื่องที่ยังอยากรู้อยู่”
เชวฮันจ้องไปที่อาหารเย็นชืดบนโต๊ะและตอบคำถามของคาร์ล
“ใช่…กระผมมีเรื่องที่อยากรู้”
และเขาไม่ต้องการเอ่ยในสิ่งที่เขาอยากจะรู้ออกมาเช่นกัน
พวกมันเป็นใคร?
ทำไมพวกมันจึงทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้?
ทำไมท่านคาร์ลถึงรู้เรื่องพวกนี้ได้?
เชวฮันอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด คาร์ลสังเกตเห็นดวงตาของเชวฮันที่จ้องไปยังอาหารบนโต๊ะและเริ่มคิด
‘ท่าทางเจ้านี้จะโกรธเสียแล้ว’
ความโกรธของเชวฮันไม่ได้พุ่งเป้าไปที่คาร์ลแต่ความโกรธมันถูกส่งไปยังองค์กรลับนั้นเฉกเช่นใบมีดอันแหลมคม การสังหารหมู่ที่หมู่บ้านแฮร์ริส การจับมังกรมาทรมานและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินนั่น เชวฮันเป็นคนประเภทที่จะเข้าไปปะทะกับพวกมันมากกว่าที่จะหลบเลี่ยง
คาร์ลหยิบขนมปังที่เย็นชืดแต่คาดว่ายังคงมีรสชาติที่อร่อยอยู่ ก่อนจะฉีกเป็นชิ้นเล็กๆและโยนเข้าไปในปาก
“ข้าวางแผนที่จะบอกเจ้าอยู่สองเรื่อง”
“….แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่าง”
“ถูก….”
คาร์ลไม่สนใจว่าเชวฮันกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับขนมปังที่ยังอยู่ในมือ เก้าอี้ถูกดันถอยหลังโดยไม่เกิดเสียงดังรบกวนจากพื้นพรม
“ลุกขึ้น!”
“….เรากำลังจะไปไหนกันหรือท่านคาร์ล?”
คาร์ลก้มลงมองนาฬิกาเพื่อตรวจสอบเวลาหลังจากที่เชวฮันลุกขึ้นยืนแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำที่ย่างกรายเข้าสู่เวลากลางคืนแล้ว สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เปล่งประกายสดใสในยามค่ำคืน คาร์ลเดินไปที่ประตูและตอบคำถามของเชวฮัน
“วิหารของพระเจ้าแห่งความตาย”
คาร์ลวางแผนที่จะเดินทางไปยังที่นั่นพร้อมกับเชวฮันไปยังสถานที่ที่สว่างไสวที่สุดในยามค่ำคืน ‘วิหารของพระเจ้าแห่งความตาย’
มีนักบวชที่มีลักษณะพิเศษอยู่ในวิหารของพระเจ้าแห่งความตายซึ่งไม่สามารถหาพบได้จากที่ใดในทวีปนี้แล้วนอกจากที่วิหารแห่งนี้
‘นักบวชผู้ที่ไม่ได้ยินสิ่งใดๆหรือเรียกง่ายๆว่านักบวชหูหนวกนั่นเอง’
พวกเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรที่คุณพูดกับคนอื่นนั่นคือเหตุผลที่เหล่าผู้ศรัทธาในพระเจ้าแห่งความตายจะมองหานักบวชเหล่านี้ แม้ว่าคาร์ลจะไม่ได้ศรัทธาเขาก็วางแผนที่จะไปเยี่ยมเยียนที่นั่นเช่นเดียวกับขุนนางส่วนใหญ่
คาร์ลหันหลังกลับไปเมื่อเดินถึงประตูห้อง เชวฮันยังคงยืนอยู่ข้างโต๊ะก่อนที่เขาจะส่งยิ้มให้แก่เชวฮัน
“ข้าวางแผนที่จะบอกความจริงกับเจ้าสองข้อ”
ถึงแม้ว่าคาร์ลจะยิ้มแต่สิ่งที่ออกมาจากปากของเขาต่อไปนี้กลับไม่ได้ดูเบาเลยสักนิด
“ด้วยชีวิตของข้า….”
ดวงตาของเชวฮันสั่นไหวเบาๆ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็ยังคงยิ้มเต็มใบหน้าของเขาก่อนที่จะมองไปรอบๆและเอ่ยกับเชวฮันอีกครั้ง
“ตามข้ามา…”
เชวฮันค่อยๆขยับออกห่างจากโต๊ะและมุ่งหน้าไปที่ประตู ดวงตาของเขาสงบลงแล้วแต่ใบหน้ายังคงเคร่งเครียดอยู่ คาร์ลกำลังเปิดประตูและย้ำกับตัวเองอีกครั้ง
“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าโดยการใช้ชีวิตของข้าเป็นหลักประกัน”
คาร์ลมุ่งหน้าไปยังวิหารของพระเจ้าแห่งความตายพร้อมกับเชวฮันทันที