ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family) - บทที่ 31 เจ้า 6
บทที่ 31 เจ้า 6
คาร์ลใส่ของบางอย่างลงในกระเป๋าเวทย์และมุ่งหน้าไปยังลานฝึกซ้อม ชั้นใต้ดินของบ้านหลังนี้มีลานฝึกซ้อมการต่อสู้ที่ครบวงจรและเป็นมาตรฐาน ดินแดนเฮนิตัสนับเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านความร่ำรวยและมั่งคั่ง แต่ความมั่งคั่งนั่นก็ต้องได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งทางทหารเช่นกัน ในเมื่อป่าแห่งความมืดอยู่ถัดจากเมืองเฮนิตัสไปไม่ไกลและยังมีสัตว์ประหลาดที่เป็นอันตรายเป็นจำนวนมากหากไม่มีความแข็งแกร่งทางทหารชาวเมืองทั้งหมดจะสามารถอยู่รอดได้แค่ไหนกัน? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมที่บ้านและคฤหาสน์เฮนิตัสจึงมีลานฝึกซ้อมอยู่ชั้นใต้ดินที่มีขนาดใหญ่และดีกว่าคฤหาสน์ของดยุคหรือมาร์คควิสเสียอีก
คาร์ลมอบคำสั่งแก่พวกเขาทันทีที่พวกเขามาถึงลานฝึกซ้อมขนาดใหญ่แล้ว
“เจ้าสองคนอยู่ด้านนอกลานฝึกซ้อมคอยดูแลความเรียบร้อยทั้งหมดและตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าจะไม่มีใครลงมาที่ชั้นใต้ดินนี้ได้”
“ขอรับนายน้อย”
“ข้าเข้าใจแล้วนายน้อย”
คาร์ลรู้สึกขมในปากเมื่อมองเห็นรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้าของรอนแต่คาร์ลก็เลือกที่ปล่อยมันผ่านไป หลังจากที่ดูพวกเขาทั้งสองเดินออกไปแล้ว คาร์ลก็ตั้งใจที่จะพาลูกแมวทั้งสองไปยังมุมสุดของลานฝึกซ้อมนั่น แน่นอนว่าเขาจะต้องอยู่ให้ไกลจากเชวฮันและโรสลินให้ได้มากที่สุด
“ส่วนพวกเจ้าสองคนไปตรงกลางลานฝึกซ้อมนั่นซะ”
เชวฮันนำล็อกไปวางไว้ตรงกลางของลานฝึก โรสลินมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขณะที่เดินห่างจากล็อกออกมาเล็กน้อย
“โฮกกกกกกก!!!!!”
ล็อกกำลังสั่นเหมือนถูกบางอย่างเข้าครอบงำ แขน ขาและตลอดทั้งลำตัวของเขากำลังสั่นอย่างรุนแรง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเชวฮันและโรสลินก็ยังไม่เข้าใกล้ล็อกไปมากกว่านี้
นั่นเป็นเพราะล็อกมีกรงเล็บที่ใหญ่ขึ้นมันเป็นกรงเล็บของสัตว์ป่าที่มีความแหลมคมเป็นอย่างมาก
“อ๊ากกกกกกกก!”
ร่างของล็อกเด้งขึ้นลอยไปในอากาศโดยอัตโนมัติ ลำตัวตั้งตรงและแข็งทื่อเหมือนลูกธนูที่ถูกยิงออกไปในอากาศก่อนที่ร่างของล็อกจะเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ คาร์ลตรวจสอบจนแน่ใจว่าประตูเหล็กขนาดใหญ่ทางเข้าลานฝึกซ้อมมีความแน่นหนาและแข็งแรงดีแล้วจึงมุ่งหน้าไปยังมุมหนึ่งของลานฝึกซ้อมทันทีโดยมีลูกแมวสองตัวเดินตามเขาไปติดๆ
‘นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆซะแล้วสิ’
คาร์ลสามารถมองเห็นล็อกที่มีรูปร่างสูงและอ่อนแอเริ่มเปลี่ยนแปลงไปช้าๆ
“โฮกกกกกกกกกกกก! อ๊ากกกกกกกกกกกกกก”
ล็อกในตอนนี้มีเขี้ยวที่แหลมคมขนาดใหญ่ก่อนที่จะคำรามออกมาด้วยความทุกข์ทรมาน เขาเริ่มทรงตัวและเดินโซเซเล็กน้อยก่อนจะเริ่มขมวดคิ้วมุ่นและเปิดตาขึ้นจากนั้นก็มองไปที่เพดานและเปล่งเสียงหอนออกมา
“บรู๊วววววววววววววววววววววววววว!”
ทันใดนั้นก็มีสิ่งโปร่งใสปรากฏขึ้นขวางหน้าของคาร์ลไว้และมันก็คือโล่นั่นเอง
ออนและฮงมองไปรอบๆด้วยความตกใจก่อนที่คาร์ลจะพูดขึ้น
“มังกรน้อยเจ้าน่าทึ่งมาก เจ้าสามารถทำให้มันกันเสียงได้หรือไม่?”
โล่โปร่งใสถูกนำมาซ้อนทับอีกชั้นหนึ่งโดยทันที
โรสลินเหลือบมองมาที่กลุ่มของคาร์ลและคาร์ลไม่ทันได้เห็นว่าโรสลินมีอาการตกใจเมื่อมองเห็นโล่โปร่งใสสองชั้นอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้และขณะนั้นเองเสียงของมังกรดำที่ต้องอยู่ภายในโล่โปร่งใสนี้ก็ดังก้องเต็มสองรูหูของคาร์ล
“เจ้ามันอ่อนแอมาก นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าต้องได้รับการคุ้มกัน”
ออนและฮงรู้สึกตื่นเต้นเมื่อตระหนักได้ว่าสิ่งนี้เกิดจากมังกรดำนั่นเองก่อนที่จะมองไปที่คาร์ลด้วยความเห็นใจเมื่อได้ยินว่ามังกรพูดกับคาร์ลว่าอย่างไรพวกมันเห็นด้วยกับการประเมินของมังกรดำแต่คาร์ลไม่ได้สนใจสายตาของพวกมันและเอ่ยตอบอย่างห้วนๆ
“ทำสิ่งที่เจ้าอยากทำเถอะ!”
“ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าไม่ใช่พลังนั่น?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”
‘พลัง’ มังกรน้อยได้ตระหนักว่าคาร์ลไม่ต้องการแสดงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้แก่ผู้อื่นและทิ้งไว้ให้คลุมเครือ คาร์ลยักไหล่ของเขาช้าๆและในที่สุดโล่โปร่งใสอันที่สามก็ถูกสร้างขึ้นรวมเป็นโล่สามชั้นในที่สุด
‘อ่า…..ทักษะของเขาดีขึ้นเรื่อยๆสินะ’
มังกรมีวิธีการเรียนรู้พลังเวทย์ที่แตกต่างจากมนุษย์ มังกรสามารถควบคุมการใช้พลังเวทย์ตามที่มันต้องการได้ คาร์ลคิดว่าความเร็วของมังกรดำถูกปรับปรุงให้เร็วขึ้นจนน่าประหลาดใจแต่นั่นมันก็มีประโยชน์ต่อตัวของมันเอง
ในตอนนี้คาร์ลสามารถจ้องมองไปที่พื้นตรงกลางลานฝึกซ้อมอย่างเงียบๆเพื่อมองการกลายร่างของล็อกได้อย่างอุ่นใจขึ้น
“โฮกกกกกกกกกกกก! อ๊ากกกกกกกกกกกกกก”
เสียงคำรามของล็อกปกคลุมไปทั่วลานฝึกซ้อมนี้ หากไม่ได้โล่กันเสียงและกันกระแทกที่ถูกสร้างขึ้นรอบๆชั้นใต้ดินนี้แล้วคาดว่าเหล่าทหารองครักษ์จะต้องรีบตรงดิ่งมายังที่นี่อย่างแน่นอน
ร่างกายของล็อกมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกครั้งที่เขาคำรามออกมา กล้ามเนื้อที่ไม่เคยมีอยู่บนร่างกายก่อนหน้านี้เริ่มถูกแทนที่ด้วยกล้ามเนื้อมัดใหญ่เต็มทั่วร่างกายและดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีแดงในที่สุด มันเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าเขาได้สูญเสียสติของเขาแล้ว
ทำไมเด็กน้อยจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินถึงได้กลายร่างในเวลานี้ได้?
ตามเนื้อหาในนิยายล็อกจะได้รับประสบการณ์การกลายร่างเป็นครั้งแรกของเขาในอีกหนึ่งปีต่อมา เหตุผลคือการตายของคนคนหนึ่ง
‘เพนดริก เขาคือเอลฟ์ที่ทำหน้าที่เป็นหมอเยียวยาด้านความเชื่อและศรัทธา’
เอล์ฟคนนี้ได้จบชีวิตลงในสนามรบซึ่งเพนดริกเป็นคนที่ทำให้ล็อกระลึกถึงลุงของเขาที่เป็นหัวหน้าเผ่าหมาป่าสีน้ำเงิน เมื่อครั้นเห็นเพนดริกต้องจบชีวิตลงทำให้ล็อกเกิดการคลุ้มคลั่งอยากจะฆ่าทุกอย่างและทุกคนที่ขวางหน้าตน
“ออน….ฮง”
คาร์ลมองไปที่ลูกแมวสองพี่น้องที่กอดกันอยู่ภายในโล่โปร่งใสนี้
“เจ้าสองคนยังไม่เคยได้รับประสบการณ์การกลายร่างเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
ลูกแมวพยักหน้าตอบรับ
“พวกเจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง?”
“ไม่รู้เลย…..”
“ไม่มีใครสอนเราเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย….”
สำหรับกรณีนี้คาร์ลรู้ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นได้เนื่องจากออนและฮงดูเหมือนจะเป็นสัตว์อสูรที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ การกลายร่างของพวกเขาก็อาจสามารถเกิดขึ้นได้ในไม่ช้านี้เช่นกัน คาร์ลมองไปข้างหน้าอีกครั้งและเริ่มพูด
“เผ่าหมาป่า เผ่าเสือ เผ่าหมีและเผ่าวาฬทั้งสี่เผ่านี้จะสูญเสียความเป็นตัวเองมากที่สุดในการกลายร่างเป็นครั้งแรกนั่นคือเหตุผลที่เราจะรู้จักกันดีว่าสัตว์อสูรทั้งสี่เผ่านี้มีความใกล้เคียงกับสัตว์ประหลาดมากที่สุด”
แต่เขาไม่รู้จักเผ่าแมวมากนัก……
“ข้าไม่รู้การกลายร่างครั้งแรกของเผ่าแมวเป็นเช่นไรแต่ถ้าหากพวกเจ้ารู้สึกว่าร่างกายร้อนขึ้นและเจ็บปวดเป็นอย่างมาก…ให้พวกเจ้ารีบมาหาข้า”
‘มันจะเป็นเรื่องแย่หากพวกเจ้าเกิดเหตุเช่นนั้นขึ้น’
ใครจะต้องเป็นคนดูแลเก็บกวาดเรื่องนี้? แน่นอน….ว่ามันจะต้องเป็นเขาที่ต้องจัดการเก็บกวาดเรื่องนี้หากพวกมันเกิดการกลายร่างขึ้นมา อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอาณาเขตของเขาและคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา
คาร์ลหันไปมองลูกแมวทั้งสองหลังจากที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆจากพวกมัน ดวงตาสีทองสองคู่ต่างจ้องมาที่คาร์ลก่อนที่พวกมันจะมุ่งตรงมาที่เขาและเริ่มถูไถใบหน้าของพวกมันกับขาของเขาเบาๆ
‘ทำไมพวกมันถึงชอบทำอะไรแบบนี้กันนะ’
คาร์ลไม่ชอบวิธีการแสดงความสนิทสนมของพวกมันเช่นนี้นัก คาร์ลขยับขาของตนไปด้านข้างเล็กน้อยก่อนที่จะได้ยินอะไรบางอย่างที่ทำให้ขนของเขาลุกชันขึ้นทันที
“แล้วมังกรเช่นข้าจะกลายร่างด้วยหรือไม่?”
“ไม่……”
มันคงจะเป็นเรื่องที่บ้ามาก…หากมังกรกลายร่างได้จริงภูเขาสูงหลายแห่งจะถูกทำให้หายไปในทันทีโดยฝีมือของมังกร นั่นมันเป็นการจินตนาการที่น่ากลัวทีเดียว ปฏิกิริยาของคาร์ลในตอนนี้คือแข็งค้างมากกว่าเดิมและยังคงจ้องไปยังข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมายนั่นเป็นการแสดงออกว่าเขาไม่ได้อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว
“เตราะ!”
เขาได้ยินเสียงเดาะลิ้นของมังกรแว่วมาในอากาศ คาร์ลกำลังคิดเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นของมังกรและมันก็เป็นเวลาเดียวกับที่ล็อกได้กลายร่างเสร็จสมบูรณ์ในที่สุด
ปัง!
มนุษย์หมาป่ากระทืบสองขาของมันลงไปที่พื้นลานฝึกซ้อมจนเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง สำหรับขนของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินจะมีขนเป็นสีน้ำเงินเข้ม ในตอนนี้ไม่สามารถเรียกหมาป่าที่ดุร้ายเช่นนี้ได้ว่าเด็กชายได้อีกเพราะร่างกายของมันถูกปกคลุมด้วยขนสีน้ำเงินเข้ม แขนทั้งสองข้างถูกเติมเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อขนาดใหญ่มันมีขนาดใหญ่กว่ากล้ามเนื้อของเชวฮันเสียอีกและมันพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อด้วยเล็บที่แหลมคมของมัน
“ล็อก!”
“ล็อก…ตั้งสติหลุดออกจากมันมาให้ได้!”
เชวฮันและโรสลินพยายามร้องเรียกล็อกให้มีสติให้ได้ แต่ในตอนนี้ล็อกได้สูญเสียความเป็นเหตุและผลทั้งหมดในตัวของเขาไปแล้ว ตอนนี้เขาเห็นเพียงแค่เชวฮันกับโรสลินคือสิ่งที่เขาจะต้องพุ่งโจมตีเท่านั้น
“โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”
เสียงขู่คำรามดังขึ้นจากปากของล็อก ในตอนนี้ล็อกมีขนาดลำตัวที่สูงใหญ่กว่าเชวฮันประมาณ 1.5 เท่าก่อนที่เขาจะวิ่งเข้าไปหาเชวฮันในทันที
“ล็อก…..ตั้งสติ…เอามันออกไปจากตัวเจ้าให้ได้! นี่ข้าเอง! เชวฮัน!”
เชวฮันไม่สามารถโจมตีคนที่เขาเรียกว่าเพื่อนได้อย่างเต็มที่ เขาทำได้เพียงตั้งรับการโจมตีจากล็อกสลับกับการร้องเรียกให้ล็อกมีสติกลับคืนให้ได้ แต่ว่าการทำเช่นนั้นเขาคิดว่ามันจะเรียกสติของล็อกให้กลับคืนมาได้เช่นนั้นหรือ? แน่นอน…ว่าไม่ได้ คาร์ลส่ายศีรษะของตนเบาๆและคอยเฝ้าดูต่อไป
“ก็แค่ตีไปที่หัวของเขาทำให้เขาสลบไปก็เท่านั้น…..มันเป็นวิธีเร็วที่สุดแล้วนี่นา”
อึกกกก! ลูกแมวทั้งสองชะงักค้างก่อนจะเขยิบออกห่างจากคาร์ลอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าคาร์ลจะพูดเช่นนั้นออกไปแต่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาให้เชวฮันทำแบบนั้นจริงๆ สัตว์อสูรที่สลบไประหว่างการกลายร่างในครั้งแรกพวกเขาจะต้องเผชิญกับความทรมานเช่นนี้อีกในการกลายร่างครั้งต่อไป
“ว้าวววววววว”
การโจมตีของมนุษย์หมาป่ารุนแรงกว่าที่คาร์ลคาดไว้ ความจริงที่ว่าเขากำลังขยับร่างกายและเคลื่อนที่ไปตามสัญชาตญาณทำให้เขาสามารถบังคับใช้กล้ามเนื้อของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ออน….ฮง”
คาร์ลร้องเรียกลูกแมวทั้งสอง มีเหตุผลที่ทำให้เขาต้องให้พวกมันตามเขามา
“จับตาดูการเคลื่อนไหวของเด็กจากเผ่าหมาป่านั่นซะ…….”
เขาต้องการให้ออนและฮงให้ความสนใจกับมนุษย์หมาป่าเช่นล็อก ตอนนี้ล็อกกำลังโจมตีเชวฮันกับโรสลิน อย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะที่สองคนนั้นไม่สามารถทำให้การโจมตีของล็อกล่าถอยได้เลยนั่นเป็นรูปแบบการโจมตีของเผ่าหมาป่า คาร์ลพูดกับลูกแมวทั้งสองราวกับกำลังกระซิบ
“นั่นคือการเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณของสัตว์อสูร มันเป็นความจริงที่ว่าพวกเขาสามารถเคลื่อนที่ไปได้ตามสัญชาตญาณซึ่งจะแตกต่างจากมนุษย์ มันเป็นหนึ่งในความงดงามและสร้างชื่อเสียงให้แก่เผ่าสัตว์อสูร”
ปัง!
กำปั้นของล็อกกระแทกไปที่พื้นและทำลายหินอ่อนของพื้นลานฝึกซ้อมจนละเอียด มันเป็นการแสดงความแข็งแกร่งของเขา
“เจ้าไม่ควรกลัวหรือหวาดกลัวในการกลายร่าง เพราะนั่นคือสิ่งที่เหล่าสัตว์อสูรจะสามารถอยู่ในจุดที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตของพวกเขาได้”
โป๊ก! โป๊ก!
มือของคาร์ลเคาะลงไปที่หัวของลูกแมวทั้งสองตัว
“แม้ว่าเผ่าแมวและเผ่าหมาป่าจะแตกต่างกันแต่พวกเจ้าทั้งสองก็เป็นสัตว์อสูรเช่นกัน…จงดูเขาเพื่อเรียนรู้รูปแบบของสัตว์ป่า….เรียนรู้รูปแบบเพื่อการพึ่งพาสัญชาตญาณของตัวเจ้าเอง แล้วก็……….”
ดวงตาสีทองสองคู่ได้สบเข้ากับสายตาของคาร์ล
“ทำให้มันเป็นรูปแบบของพวกเจ้าเอง….ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบพวกนั้นหรือการคิดหาหนทางที่จะสามารถฆ่าหมี ฆ่าเสือ ฆ่าหมาป่าหรืออะไรก็ตามที่ระบุว่าพวกมันคือสัตว์ป่าลงให้ได้”
ลูกแมวสองตัวจากเผ่าแมวหันหน้าออกจาคาร์ลเพื่อสังเกตล็อก พวกมันยืนขึ้นด้วยขาหลังทั้งสองข้างของพวกมันและคอยสังเกตการเคลื่อนไหวทุกครั้งของล็อกอย่างไม่ยอมละสายตา ขนสีเงินและขนสีแดงเข้มของลูกแมวทั้งสองตัวต่างลุกชันขึ้นด้วยความตื่นตระหนกกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า
แมวอ่อนแอเมื่อเทียบกับสัตว์อสูรเหล่านี้เป็นเพราะพวกมันเป็นเผ่าที่อาศัยการหลบซ่อนเสียมากกว่าทำให้พวกมันเข้าใจจุดประสงค์ของคาร์ลได้อย่างชัดเจน เคาร์ลเฝ้าดูลูกแมวทั้งสองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะร้องเรียกมังกรขึ้น
“เฮ้!……เจ้ามังกร”
มังกรดำค่อยๆปรากฏร่างขึ้นและลอยตัวอยู่ในอากาศ โรสลินและเชวฮันไม่ได้มีเวลาหันมามองยังกลุ่มของคาร์ลในตอนนี้พวกเขาต้องมุ่งความสนใจไปที่ล็อกอย่างเต็มที่ คาร์ลชี้ไปยังคนทั้งสองขณะที่ยังคงพูดกับมังกรอยู่
“เจ้าจงดูว่าโรสลินใช้พลังเวทย์ของเธอเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามทำร้ายเธอได้อย่างไร?…แล้วจงดูว่าเชวฮันใช้พลังกลิ่นอายเช่นไรเพื่อไม่ให้เป็นการโจมตีเป้าหมายแต่เป็นเพียงการป้องกันตัวเองและไม่ให้ทำร้ายลูกหมาป่านั้นได้”
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
กำปั้นที่ถูกเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพยายามเจาะทะลุผ่านโล่กำบังเวทย์ของโรสลินให้ได้ มันถูกโรสลินเรียกออกมาใช้เพื่อป้องกันการโจมตีของล็อกในขณะที่เธอยังคงจับจ้องการเคลื่อนไหวของล็อกอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา
“ล็อก! เจ้าจำข้าได้หรือไม่? ข้าบอกว่าเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวข้าเมื่อเร็วๆนี้ไง…มีสติ! เอามันออกจากตัวเจ้าให้ได้”
เชวฮันพยายามให้ล็อกหันมาทางเขาให้ได้ เขาพยายามดึงกลิ่นอายแห่งการฆ่าออกมาให้ได้มากที่สุดเพื่อเรียกความสนใจจากล็อก
“ล็อก…โจมตีข้า…ข้าจะเป็นคนที่ปกป้องเจ้าเอง”
ล็อกตอบโต้กับกลิ่นอายการฆ่านั้นโดยการตวัดกรงเล็บอันแหลมคมไปยังเชวฮันทันที ถึงแม้ว่าล็อกจะไม่มีพลังกลิ่นอายในการโจมตีเฉกเช่นเชวฮันแต่เขาก็มีพลังทางกายในการควบคุมการโจมตีนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง
คาร์ลกำลังเฝ้าดูฉากนั้นจากที่ไกลๆในขณะที่ปากก็ยังขยับพูดกับมังกรอยู่เช่นเดิม
“ด้วยพลังที่เข็งแกร่งเช่นเจ้ามันคงเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะควบคุมไม่ให้ลงมือทำร้ายบางสิ่งมากกว่าที่เจ้าต้องการลงได้…..แต่ข้ารู้ว่าเจ้าจะเรียนรู้มันได้อย่างรวดเร็วเพราะเจ้าคือมังกร”
มังกรเอ่ยตอบรับคาร์ลด้วยความหนักแน่น
“ข้าเป็นมังกร…ไม่มีอะไรที่ข้าไม่สามารถทำได้”
“ถูกต้อง…หากเป็นเช่นนั้นเจ้าก็เฝ้าดูพวกเขาแล้วพิจารณาดูเอาเองเถิด”
มังกรค่อยๆบินลงมาจากอากาศและลงไปยังที่ที่ลูกแมวทั้งสองจับจองไว้ก่อนหน้านี้ก่อนที่มันจะใช้เวทย์ล่องหนและค่อยๆหายตัวไปอีกครั้ง คาร์ลคาดว่ามังกรจะใช้เวลาในการสังเกตโรสลิน เชวฮันและการเคลื่อนไหวของล็อกเช่นเดียวกับที่ลูกแมวทั้งสองได้ทำอยู่ก่อนหน้านี้
‘แล้วฉันควรไปหาไวน์มานั่งดื่มรอดีมั้ยนะ?’
คาร์ลรู้สึกเสียใจที่เขาไม่มีไวน์องุ่นอยู่ในมือตอนนี้เขายังต้องนั่งเฝ้าดูการต่อสู้ที่น่าเบื่อเช่นนี้เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงเชียวนะ?
ในช่วงเวลาที่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเด็กทั้งสามก็ยังคงจับจ้องไปที่ฉากนั้นอย่างไม่ยอมละสายตา ในขณะที่เชวฮันและโรสลินเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าลงแล้ว
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”
แต่คนที่เหน็ดเหนื่อยที่สุดคงจะหนีไม่พ้นมนุษย์หมาป่าตนนี้
“แฮ่ก แฮ่ก….พี่ชาย…พี่เชวฮัน”
“ล็อก!”
เชวฮันมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างรวดเร็วกับคำว่า ‘พี่ชาย’ และรีบวิ่งเข้าไปหามนุษย์หมาป่าที่เริ่มหมดแรงทรงตัวไม่อยู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับเข้าสู่สภาพปกติแต่จากปฏิกิริยาของเชวฮันทำให้คาร์ลลุกขึ้นยืนโดยทันที
“พี่….พี่สาว”
ล็อกสามารถจดจำโรสลินได้เช่นกัน
“โอ้…ล็อก”
โรสลินรีบวิ่งไปกอดล็อกโดยทันทีร่างกายของเขายังถูกปกคลุมด้วยขนสีน้ำเงินเข้มอยู่แต่ดวงตาของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว ล็อกไม่ได้บาดเจ็บใดๆ ในขณะที่เชวฮันและโรสลินได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ทั้งสองปกป้องล็อกเหมือนคนในครอบครัวของตน
“..ข้า…แฮ่ก…แฮ่ก..ข…ขอโทษ”
สติการรับรู้ของเขาได้กลับมาแล้ว เป็นการกลายร่างครั้งแรกที่สมบูรณ์แบบมันทำให้เขาสามารถเอาชนะปัญหาทั้งหมดได้ ล็อกวางศีรษะของเขาพิงไว้บนตัวของโรสลินซึ่งมีความสูงเพียงครึ่งหนึ่งของเขา เ ด็กชายวัย13 ปีเริ่มร้องไห้ออกมาช้าๆ เสียงของสัตว์ป่าถูกผสมเข้ากับเสียงร้องไห้ของเขา
“ล็อก!”
ล็อกค่อยๆกลับเข้าสู่ร่างมนุษย์ ร่างของเขาเริ่มหดเล็กลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติทันที การกลายร่างได้จบลงแล้ว เชวฮันรีบขยับเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้เขาล้มลง ล็อกพยายามฝืนตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้ตนเองสลบลงไปก่อนพร้อมกับความกังวลว่าตนจะเข้าสู่ภาวะการกลายร่างนั้นอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองก็มีชายคนหนึ่งอุ้มลูกแมวสองตัวมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าเด็กชายที่พยายามฝืนตัวเองไม่ให้สลบลงไปก่อน
‘ท่านลุง….’
ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่พูดเหมือนกันกับลุงของเขา ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดขึ้น
“เจ้าพักผ่อนได้แล้ว”
ชายคนนั้นยิ้มให้กับเขาและบอกให้เขาหลับตาลงเหมือนก่อนหน้านี้
“..มันจบลงแล้ว”
ล็อกผ่อนคลายลงในที่สุดและค่อยๆปิดตาของตนลงหลังจากได้ยินคำพูดของผู้ชายคนนั้น เขาเอนตัวพิงเข้ากับร่างเชวฮันก่อนที่จะหมดสติลง เชวฮันค่อยๆวางร่างของล็อกไปที่เปลหามอย่างระมัดระวัง
คาร์ลยังคงจ้องมองไปที่ภาพนั้นก่อนที่จะหยิบยาออกมาจากกระเป๋าเวทย์และโยนมันไปทางโรสริน เธอคว้าขวดยาไว้ได้ทันทีและเอ่ยถามคาร์ลด้วยความสงสัย
“ยามันใช้ไม่ได้ผลกับล็อก?”
คาร์ลมองไปยังโรสลินด้วยท่าทางที่เหมือนจะถามว่าเธอทำไมถึงพูดอะไรที่ชัดเจนเช่นนั้นด้วย?และเอ่ยตอบคำถามของโรสลินที่ยังคงมีความสงสัยอยู่
“ทำไมข้าต้องให้ยาแก่คนที่มาจากเผ่าหมาป่าด้วย?…นั่นมันสำหรับเจ้า…เจ้าก็ต่อสู้มาไม่น้อยเช่นกัน”
โรสลินจ้องไปที่คาร์ล เธอได้เห็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจของโล่โปร่งใสสามชั้นนั้น เธอมีสิ่งต่างๆอยากถามคาร์ลมากมายแต่เลือกจะพูดสิ่งอื่นออกไป
“ขอบคุณท่านมาก” ถึงอย่างไรสิ่งนี้ควรมาก่อนสิ่งอื่น
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า…”
คาร์ลตอบอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะหันหน้าไปยังเชวฮันที่มองมายังเขาก่อนหน้านี้แล้ว
“เชวฮัน….”
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เขาต้องการทราบว่าเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”