หน้าแรก Amnovel
    • หน้าแรก
    • นิยายทั้งหมด
    • เติมเงิน
    • ติดต่อเรา
    ค้นหา
      ค้นหาขั้นสูง
      เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
      • หน้าแรก
      • นิยายทั้งหมด
      • เติมเงิน
      • ติดต่อเรา
      • เข้าสู่ระบบ
      เข้าสู่ระบบ
      Prev
      Next

      ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family) - บทที่ 28 เจ้า 3

      1. หน้าแรก
      2. ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family)
      3. บทที่ 28 เจ้า 3
      Prev
      Next

      บทที่ 28 เจ้า 3

       

      เอี๊ยด! เอี๊ยด!

       

      รถม้าเริ่มขยับออกตัวมุ่งไปข้างหน้า

       

      “เมี้ยว เมี้ยว”

       

      ออนและฮงแอบชำเลืองมองไปที่เทย์เลอร์กับเคจที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับพวกมันโดยที่พวกเขานั่งใกล้กันกับคาร์ล

       

      “นายน้อยคาร์ล….ท่านทราบรายละเอียดเกี่ยวกับงานพระราชพิธีหรือไม่?”

       

      คาร์ลมองไปที่เทย์เลอร์ที่ยังคงมีอาการปกติหากเทียบกับเคจที่ยังคงมึนศีรษะกับอาการเมาค้างอยู่ อันที่จริงเขาดูปกติกว่าคาร์ลเสียอีก ขุนนางผู้อ่อนแอคนนี้เป็นคนคอแข็งที่สุดในบรรดาสามคนที่ดื่มด้วยกันเมื่อคืน คาร์ลเริ่มมีปฏิกริยาต่อคำถามของเทย์เลอร์ซึ่งยังคงจ้องมองเขาอยู่ก่อนที่เทย์เลอร์จะเอ่ยต่อ

       

      “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เดินทางไปยังวังหลวงและตัวข้าเองมีโอกาสเข้าร่วมประชุมกับเหล่าขุนนางของฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเพียงครั้งเดียวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา”

       

      เทย์เลอร์ไม่ได้ต้องการยกประเด็นเรื่องนี้มาเพื่อเปิดบทการสนทนากับคาร์ลแต่เขาต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคาร์ลเพื่อตอบแทนน้ำใจที่เขามีให้กับตน

       

      “อืม..ข้ารู้….พระราชพิธีในครั้งนี้เป็นการเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 50 พรรษาของพระราชา…ถือได้ว่าเป็นพิธีเฉลิมฉลองมอบความสำราญใจแก่ประชาชนก็ว่าได้”

       

      เมื่อเห็นคาร์ลพูดราวกับว่ามันไม่ได้รวมตัวเองเข้าไปด้วย เทย์เลอร์จึงเกิดความรู้สึกแปลกใจ

       

      “น้ำเสียงของท่านมันเหมือนกับว่าพิธีเฉลิมฉลองในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านเลยนะ”

       

      ‘มันจะเป็นพิธีเฉลิมฉลองที่ฉันจะรู้สึกดีได้อย่างไรในเมื่อใจของฉันยังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่น่ากลัวนั่นอยู่’

       

      คาร์ลไม่ได้พูดออกมาเพียงแค่ตะโกนก้องในใจของตนเท่านั้น เขาอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องเกี่ยวกับองค์กรลับและเหตุการณ์น่ากลัวที่กำลังจะเกิดขึ้น ความจริงนี้ทำให้เขารู้สึกหนักใจและตระหนักถึงความรับผิดชอบพร้อมๆกับอาการปวดหัวที่อาจเกิดขึ้นได้ในวันข้างหน้า

       

      ‘ฉันจะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นแต่ก็ต้องหาทางเลี่ยงให้ได้ถ้าหากมันเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บหรือเหนื่อยเกินไป’

       

      นั่นคือมุมมองของคาร์ลต่อเหตุการณ์ก่อการร้ายที่จะเกิดขึ้น ทำทุกอย่างให้พอเพียงที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อกายและใจของเขา ถึงอย่างไรคนเช่นคาร์ล…ไม่สิ…คิมร็อคโซผู้ซึ่งหวาดกลัวกับความตายก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นว่าตนไม่รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้

       

      “มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่งานพิธีเฉลิมฉลองสำหรับพวกท่านทั้งสองเช่นกัน…นายน้อยเทย์เลอร์”

       

      เทย์เลอร์มีอาการเช่นเดียวกันกับเคจที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วมุ่นเพราะอาการเมาค้างของเธอก่อนที่เขาจะเริ่มยิ้มออกมาเพราะคำพูดของคาร์ล

       

      “ข้าคิดว่ามันจะเป็นอุปสรรคชิ้นสุดท้ายของข้าก่อนที่ข้าจะสามารถร่วมเฉลิมฉลองได้อย่างมีความสุข”

       

      รูปลักษณ์ที่เป็นสุภาพบุรุษผู้สุภาพอ่อนโยนของเทย์เลอร์นับว่าเป็นภัยอันตรายเมื่อเขาใช้มันต่อหน้าเวเนี่ยนหรือแม้กระทั่งการเป็นคนที่ยึดหลักศีลธรรมนั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาถูกทำร้ายร่างกายลงได้

       

      “นายน้อยคาร์ล”

       

      “หืม?”

       

      “จงระวังองค์ชายรัชทายาท”

       

      เทย์เลอร์มองไปที่คาร์ลและพูดต่อ

       

      “แม้ว่าข้าอาจถูกผลักไสออกจากตระกูลแต่ข้าก็ยังมีวิธีในการหาข้อมูลจากคฤหาสน์มาร์ควิสสแตนได้ การจัดพิธีเฉลิมฉลองพระชนมายุครบรอบ 50 พรรษาของพระราชาก็เริ่มต้นมาจากแผนงานที่องค์ชายรัชทายาททูลเสนอรวมถึงการเรียกขุนนางทั้งหมดเพื่อเข้าเฝ้าในงานนี้ก็ล้วนมาจากการทูลเสนอขององค์ชายรัชทายาททั้งสิ้น”

       

      เทย์เลอร์รู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับองค์ชายรัชทายาท

       

      “ข้าไม่แน่ใจว่าควรอธิบายเรื่องขององค์ชายรัชทายาทแก่ท่านอย่างไร….มัน…..”

       

      เมื่อเห็นเทย์เลอร์มีความอึดอัดใจ คาร์ลจึงตอบขึ้นด้วยความไม่ใส่ใจนัก

       

      “เขาเป็นคนที่ใช้วาจาได้อย่างคมคายสินะ”

       

      “อ่า….เอ่อ…ข้าหมายถึง”

       

      เทย์เลอร์เป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับคาร์ล เขาหันหน้าหนีและพยายามที่จะเก็บสีหน้าของตนให้ได้แต่สุดท้ายก็ถูกบังคับให้ต้องยอมรับว่ามันเป็นความจริง

       

      “ใช่…ท่านพูดถูก..ท่านรู้เรื่องนี้แล้วสินะ”

       

      “มันไม่ใช่ข้อมูลที่ใครก็สามารถหาได้หรืออย่างไร?”

       

      “แน่นอนว่ามันหาได้ง่าย…แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินคำพูดที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้…นายน้อยคาร์ล”

       

      เมื่อเห็นเทย์เลอร์พยักหน้าของเขา คาร์ลก็เริ่มนึกถึงองค์ชายรัชทายาท

       

      ลิ้นที่สามารถเอื้อยเอ่ยวาจาที่คมคายขององค์ชายรัชทายาท

       

      องค์ชายรัชทายาทเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรอยู่เสมอพระองค์เป็นคนที่เก่งกาจในการกล่าวคำสรรเสริญคนที่ทำในสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสาธารณชนและทำให้พวกเขาได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างก่อนที่จะใช้งานกลุ่มคนเหล่านั้น

       

      แน่นอนว่าคนที่ถูกใช้ไม่ได้มีความรู้สึกว่าตนได้ถูกใช้งานอยู่ซึ่งหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายในนิยายเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเชวฮัน คนที่องค์ชายรัชทายาทยกขึ้นเป็นเพื่อนสนิทและวีรบุรุษของตน สำหรับสามัญชนเช่นเชวฮันเขาคิดว่านับเป็นเรื่องที่ดีที่องค์ชายรัชทายาทได้ให้ความใกล้ชิดตนเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับคาร์ล..ไม่สิ…คิมร็อคโซที่กำลังอ่านนิยายเรื่องนี้อยู่กลับมองว่าคนแบบองค์ชายรัชทายาทคือประเภทคนที่เขาเกลียดมากที่สุด

       

      ‘ปัญหาคือว่าเขาใช้งานคนด้วยเหตุผลที่ดีและถูกต้อง’

       

      เขาไม่ได้ใช้คนเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือเพื่ออำนาจของตน เขาใช้คนเหล่านี้เพื่ออาณาจักร เพื่อราษฎรและทำให้อาณาจักรมีความก้าวหน้าและยิ่งใหญ่ขึ้น

       

      ‘มันก็คงจะแรงเกินไปหากเรียกมันว่าเป็นการใช้งาน’

       

      อย่างไรก็ตามการใช้งานพวกเขาเหมือนเป็นการขอความช่วยเหลือจากพวกเขามากกว่า องค์ชายรัชทายาทไม่ได้ออกคำสั่งดั่งคนที่เหนือกว่าแต่ทำทุกอย่างในสถานะที่เท่าเทียมกัน

       

      เขาใช้วาจาที่คมคายของตนยกย่องสรรเสริญพวกเขาเป็นอย่างมากและให้เหตุผลที่แสนเศร้าเพื่อไม่ให้พวกเขาปฏิเสธตนได้ และโดยธรรมชาติของเชวฮันเขาไม่สามารถเอ่ยปฏิเสธได้หรือแม้แต่คนที่เย็นชาเช่นโรสลินก็ไม่สามารถปฏิเสธการช่วยเหลือในตอนท้ายได้เช่นกัน แน่นอนว่าคนเราต่อให้เย็นชาเพียงใดก็มักจะมีจุดอ่อนได้เช่นกัน

       

      “อย่างไรก็ตามนายน้อยคาร์ล…องค์ชายรัชทายาท..เอ่อ…อย่างที่ท่านทราบว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยหน่ายหากต้องเกี่ยวข้องกับคนเช่นนี้”

       

      “ท่านไม่ต้องกังวลไป…ข้าวางแผนที่จะทำตัวให้เงียบที่สุดก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน…ข้าไม่ชอบเป็นจุดเด่น”

       

      คาร์ลตอบกลับเหมือนมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ก่อนที่จะรู้สึกว่าภายในรถม้าถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบหลังจากที่เขาตอบออกไป ลูกแมวทั้งสองตัวอย่างออนและฮง เคจที่กำลังรู้สึกอึดอัดตัวจากอาการเมาค้างและแม้แต่เทย์เลอร์ที่ยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับที่ใบหน้า พวกเขาทั้งหมดต่างจ้องมายังคาร์ล

       

      “……ทำไมพวกท่านจึงมองข้าเช่นนั้น?”

       

      “อืม….มันจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?…เอ่อ..ไม่…ไม่มีอะไร”

       

      “ไม่มีอะไรหรอกนายน้อยคาร์ล….”

       

      ทั้งเทย์เลอร์และเคจต่างเอ่ยว่าไม่มีอะไรก่อนหันหน้าหนีจากเขา ลูกแมวน้อยทั้งสองต่างสั่นศีรษะของพวกมันเบาๆและนั่นทำให้คาร์ลเริ่มขุ่นมัวก่อนเอ่ยออกมา

       

      “ตั้งแต่ที่ข้าถูกลากมาเกี่ยวข้องกับนายน้อยเทย์เลอร์และนักบวชหญิงเคจแล้ว…ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะไม่เกิดขึ้นหรอก”

       

      เทย์เลอร์และเคจมองเห็นว่าคาร์ลกำลังยิ้มอยู่ รอยยิ้มของเขาดูลึกลับมันเหมือนรอยยิ้มของวายร้าย คาร์ลยังคงยิ้มให้กับทั้งคู่ก่อนเอ่ยต่อ

       

      “ข้าก็มีวาจาที่คมคายเช่นกัน”

       

      องค์ชายรัชทายาทมักจะอยู่ห่างจากคนที่คล้ายกับตัวเองมันคือการระวังตัวจากคนที่เหมือนกับตนเอง ถ้าองค์ชายรัชทายาทเป็นคนที่ชอบยกย่องสรรเสริญผู้คนและใช้มันเพื่อความต้องการของเขา คาร์ลก็จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเหมือนกัน

       

      เคจมองเขาด้วยท่าทางที่ปกติกว่าเดิมอาจเป็นเพราะเธอรู้สึกดีขึ้นแล้วจากอาการเมาค้าง คาร์ลยิ้มใส่ตาของเธอก่อนจะได้ยินเธอพูดขึ้น

       

      “ข้าคิดว่าภาพลักษณ์เช่นนี้ดูเหมาะกับท่านดีนะนายน้อยคาร์ล ท่านดูชั่วร้ายมาก”

       

      “ก็ดีกว่าถูกมองว่าเหมือนคนดีแล้วกัน”

       

      ‘…ฉันรู้แล้วน่าอย่าย้ำได้มั้ย?’

       

      เคจพยักหน้าตอบรับและดูเหมือนว่าเธอจะยืนยันอะไรบางอย่างแต่เขาไม่ได้สนใจเพียงแค่เปิดม่านออกจากหน้าต่างรถม้าเพื่อมองออกไปข้างนอก

       

      ตอนนี้พวกเขาเข้าใกล้ประตูเมืองหลวงแล้ว ประตูเมืองที่รถม้าของคาร์ลจะมุ่งหน้าเข้าไปเป็นประตูที่แตกต่างจากประตูเมืองที่ประชาชนใช้กันมันเป็นประตูทางเข้าสำหรับขุนนางเท่านั้น เขาสามารถผ่านมันเข้าไปได้โดยง่ายและรวดเร็วขึ้น

       

      “เมืองหลวงนี่ช่างแตกต่างจริงๆ”

       

      นั่นคือสิ่งที่เอ่ยออกมาจากปากของคาร์ลตามสิ่งที่เขาเห็นผ่านหน้าต่างรถม้า เทย์เลอร์ดูเหมือนจะเข้าใจว่าทำไมคาร์ลจึงรู้สึกเช่นนั้นและพยักหน้าของตนเบาๆและเอ่ยขึ้น

       

      “อาณาจักรโรมันคืออาณาจักรแห่งก้อนหิน”

       

      คาร์ลมองเห็นกำแพงขนาดใหญ่รอบเมืองหลวง มีรูปปั้นที่มีรูปร่างต่างๆจำนวนมากถูกประดับไว้บนกำแพงเมือง

       

      อาณาจักรโรมันเป็นอาณาจักรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งที่มาของหินอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งตะวันตกเท่านั้นแต่พื้นที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกของอาณาจักรมีหินแกรนิตเป็นจำนวนมากนั่นคือเหตุผลที่ถูกเรียกว่าดินแดนแห่งหินนั่นเอง

       

      หากเดินทางขึ้นไปทางทิศเหนือจะพบว่ายอดภูเขาส่วนใหญ่จะมีหินแกรนิตเป็นองค์ประกอบทำให้อาณาจักรแห่งนี้เป็นอาณาจักรที่ประดับไปด้วยภูเขาเป็นหินส่วนใหญ่

       

      เทย์เลอร์ยังคงพูดต่อเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

       

      “หากท่านย้อนเรื่องราวไปในสมัยอดีตมันมีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหินขนาดใหญ่ก่อนที่อาณาจักรแห่งนี้จะถูกตั้งขึ้น มีคนเล่าว่าดินแดนแห่งนี้มีผู้นำที่แข็งแกร่งดุจหินผา”

       

      อาณาจักรโรมันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฝั่งตะวันตก

       

      “เขาเป็นผู้นำที่สามารถปกป้องและคุ้มกันจากการโจมตีชนิดใดก็ได้ เมื่อความมืดเข้าปกคลุมพื้นที่นี้เขาก็เป็นคนหนึ่งที่เผชิญหน้ากับมัน”

       

      มีตำนานมากมายที่เกี่ยวข้องกับการสิ้นสุดของอาณาจักรแห่งนี้ในอดีต คุณจะได้ยินเรื่องราวต่างๆมากมายหากได้เดินทางไปรอบๆทวีป บางตำนานก็เล่าว่ามันได้สิ้นสุดลงเมื่อความมืดคืบคลานเข้ามาและเหล่าวีรบุรุษไม่สามารถเอาชนะความมืดนี้ได้ บ้างก็กล่าวว่าเป็นเพราะความอิจฉาในพลังของคนอื่นจนเกิดการต่อสู้เพื่อเป็นผู้ครอบครองพลังนั้น และสุดท้ายยังมีคนกล่าวว่าเป็นเพราะพระเจ้าทรงพิโรธจนทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดลง ซึ่งในตำนานที่เทย์เลอร์ได้กล่าวมาก็เป็นหนึ่งในตำนานเหล่านี้เช่นกัน

       

      “เทย์เลอร์…ดูเหมือนเจ้าจะชอบเรื่องพวกนี้สินะ?”

       

      เทย์เลอร์พยักหน้าตอบรับกับคำถามของเคจ

       

      “ใช่…ข้าชื่นชอบมัน”

       

      คาร์ลหันไปมองเทย์เลอร์ เขาเป็นคนที่มีร่างกายอ่อนแอแม้กระทั่งก่อนที่ขาของเขาจะเป็นอัมพาตลง เทย์เลอร์ตบไปที่เข่าของตนก่อนเล่าต่อ

       

      “ผู้นำท่านนี้ได้กล่าวว่าเขาจะยืนอยู่ ณ ที่นี้เฉกเช่นก้อนหินอันแข็งแกร่งแม้ว่าหลังจากนั้นร่างกายของเขาจะแหลกสลายแต่นั่นก็คือวิธีที่เขาสามารถปกป้องประชาชนและดินแดนในพื้นที่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งปกคลุมไปด้วยหินขนาดใหญ่”

       

      มีเนื้อหามากมายในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความมืดที่ปกคลุมทั่วทั้งทวีป เมื่อความมืดปรากฏตัวขึ้นที่ใจกลางทวีปก็มีตำนานที่กล่าวถึงเรื่องราวของเหล่าวีรบุรุษที่ต่อสู้กับมัน อย่างไรก็ตามตัวละครหลักเช่นเทย์เลอร์กำลังพูดถึงเรื่องการปกป้อง เขาถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นวีรบุรุษ

       

      “การมีวิถีเช่นนั้นไม่สามารถอยู่รอดได้ในยุคปัจจุบัน นั่นคือเหตุผลที่ข้าชอบตำนานเหล่านี้ ”

       

      “แต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เชื่อถือมัน?”

       

      เทย์เลอร์พยักหน้าไปกับคำถามของเคจอีกครั้ง

       

      “มันเป็นไปได้ยากที่จะมีคนยอมเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องบางสิ่งบางอย่าง”

       

      “ข้าเห็นด้วย…”

       

      คาร์ลพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของเทย์เลอร์ มันอาจทำได้หากทำเพื่อปกป้องตนเองแต่ผู้นำคนนี้กลับเลือกที่จะปกป้องผู้อื่นและอาณาเขตทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือนี้? เขาไม่เข้าใจกับตรรกะดังกล่าวยิ่งนัก

       

      “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนี้โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้นำท่านนี้”

       

      คาร์ลได้อ่านเรื่องราวของตำนานที่เกิดขึ้นและอำนาจศักดิ์สิทธิ์โบราณในนิยาย ‘กำเนิดวีรบุรุษ’จนถึงเล่มที่ห้าแต่เขาก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับผู้นำที่เปรียบได้ว่าแข็งแกร่งดุจหินผาของอาณาจักรโรมันในสมัยอดีต

       

      “อาจเป็นเพราะมันไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก ข้าได้ค้นพบเรื่องราวนี้ในขณะที่กำลังค้นคว้าผ่านตำราโบราณเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับอำนาจศักดิ์สิทธิ์โบราณและข้าก็ได้บอกเคจถึงเรื่องนี้เช่นกัน”

       

      คาร์ลพยักหน้าว่าตนเข้าใจกับเรื่องนี้ก่อนจะลดม่านลง จากนั้นเขาก็หยิบจี้ออกจากระเป๋าและโยนมันไปให้เทย์เลอร์

       

      “เตรียมพร้อม!”

       

      เทย์เลอร์และเคจพยักหน้าตอบรับก่อนจะเอื้อมจับมือของกันและกันโดยมีจี้อยู่ตรงกลางมือของทั้งสอง เครื่องมือเวทย์ได้เริ่มการทำงานของพวกมันแล้ว คาร์ลถอนหายใจยาวก่อนคว้าขวดเหล้าที่อยู่ในมุมหนึ่งของรถม้ามาถือไว้

       

      ครู่ต่อมารถม้าก็หยุดลงนอกประตูทางเข้าสำหรับขุนนางและคาร์ลก็ได้ยินเสียงของรองหัวหน้าองครักษ์และคนอื่นๆแว่วเข้ามา

       

      ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

       

      “นายน้อย…ทหารเฝ้าประตูเมืองต้องการตรวจสอบผู้ที่อยู่ภายในรถม้าขอรับ”

       

      ปัง!

       

      เท้าของคาร์ลเตะประตูรถม้าออกไป เขาสามารถมองเห็นใบหน้าที่ผ่อนคลายของรองหัวหน้าองครักษ์ซึ่งต่างกับท่าทีของทหารเฝ้าประตูเมืองที่มีท่าทางแปลกใจประดับบนใบหน้าของพวกเขา คาร์ลถือขวดเหล้าไว้ที่มือข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งถือแก้วที่เต็มไปด้วยเหล้าก่อนจะจ้องมองไปที่ทหารเฝ้าประตูเมือง

       

      “เชิญ!”

       

      ด้านในรถม้าเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า ใบหน้าที่แดงก่ำของคาร์ลและกลิ่นเหม็นนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าเขาดื่มมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว

       

      แม้ว่าอีกหนึ่งสัปดาห์จะถึงงานพระราชพิธีแต่ก็ยังมีเหล่าขุนนางเป็นจำนวนมากที่ผ่านเข้าประตูเมืองนี้ไป โดยทุกครั้งจะมีทหารเฝ้าประตูเมืองสองคนทำหน้าที่ในการตรวจดูภายในรถม้าอย่างคร่าวๆแต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อน รองหัวหน้าองครักษ์ส่งยิ้มให้กับทหารเฝ้าประตูเมืองและเริ่มพูดขึ้น

       

      “นายน้อยของเรา..ดื่มเหล้าเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาอาการเมาค้าง เขาเป็นคนที่สามารถเอาชนะอาการเมาค้างได้ดีเสมอ”

       

      คาร์ลมองไปที่ทหารเฝ้าประตูเมืองสลับกับรองหัวหน้าองครักษ์ที่กำลังกล่าวสรรเสริญเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนเริ่มคิดในใจ

       

      ‘โอ้ย……เริ่มเหนื่อยแล้วนะ’

       

      นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เขากล่าวออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

       

      “พวกเจ้าไม่รีบหรือไง?”

       

      ทหารเฝ้าประตูเมืองได้เรียกทหารคนอื่นๆมาเพื่อตรวจสอบภายในรถม้าที่เต็มไปด้วยขวดเหล้าก่อนให้การอนุญาต

       

      “ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

       

      รองหัวหน้าองครักษ์ค่อยๆปิดประตูรถม้าลงในขณะที่ทหารเฝ้าประตูเมืองได้เอ่ยต้อนรับคาร์ล

       

      “ยินดีต้อนรับเข้าสู่เมืองหลวงขอรับ”

       

      คลิ๊ก! เอี๊ยด!

       

      ประตูปิดสนิทลงพร้อมกับรถม้าที่เริ่มขยับไปข้างหน้าอีกครั้ง

       

      คาร์ลยื่นแก้วที่มีเหล้าอยู่เต็มใบไปด้านหน้าของตนและเอ่ยขึ้น

       

      “ยินดีต้อนรับเข้าสู่เมืองหลวงอย่างเป็นทางการ”

       

      เทย์เลอร์และเคจผู้ที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นเมื่อไม่นานมานี้ได้ปรากฏกายขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะเริ่มหัวเราะขึ้นก่อนที่เทย์เลอร์จะยื่นจี้คืนให้แก่คาร์ลและรับแก้วเหล้าจากมือคาร์ลมาถือไว้

       

      “นี่คงเป็นการต้อนรับที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่ข้าได้รู้จักมา”

       

      ในที่สุดคณะเดินทางของคาร์ลก็ได้เดินทางถึงเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

      Prev
      Next

      ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 28 เจ้า 3"

      0 0 โหวต
      คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
      ติดตาม
      เข้าสู่ระบบ
      แจ้งเตือนของ
      กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

      เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

      จอมนางพิชิตบัลลังก์
      จอมนางพิชิตบัลลังก์
      มีนาคม 12, 2022
      ฉันมีมานาไร้ขีดจำกัดในวันสิ้นโลก
      ฉันมีมานาไร้ขีดจำกัดในวันสิ้นโลก
      มีนาคม 12, 2022
      อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来)
      อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来)
      มีนาคม 12, 2022
      Supreme uprising
      Supreme uprising
      มีนาคม 12, 2022
      not a cultivator ไม่ใช่ผู้ฝึกตน
      not a cultivator ไม่ใช่ผู้ฝึกตน
      มีนาคม 12, 2022
      ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything
      ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything
      มีนาคม 12, 2022
      Tags:
      แฟนตาซี
      ประวัติการเข้าชม
      You don't have anything in histories
      หมวดหมู่นิยาย
      • sci-fi (24)
      • Video Games (11)
      • กำลังภายใน (36)
      • จีนกำลังภายใน (1)
      • ดราม่า (3)
      • ตลก (3)
      • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
      • นิยายแต่ง (3)
      • ย้อนยุค อนาคต (7)
      • สยองขวัญ (2)
      • เกมส์ออนไลน์ (5)
      • แฟนตาซี (161)

      © 2025 Madara Inc. All rights reserved

      Premium Chapter

      คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

      wpDiscuz

      การแจ้งเตือน