หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family) - บทที่ 22 ตอบแทนบุญคุณ 2

  1. หน้าแรก
  2. ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family)
  3. บทที่ 22 ตอบแทนบุญคุณ 2
Prev
Next

บทที่ 22 ตอบแทนบุญคุณ 2 

 

รถม้าที่มีตราสัญลักษณ์เต่าทองของตระกูลเฮนิตัสก็แล่นเข้าเมืองพัซเซิลตามหลังรถม้าของว่าที่หัวหน้าพ่อบ้านเช่นฮันส์อย่างช้าๆ

 

“มันเล็กกว่าเมืองเวสเทิร์นอีก”

 

“ใช่ๆเล็กกว่าอีก”

 

คาร์ลพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของออนและฮงก่อนจะมองออกไปด้านนอกรถม้า

 

‘มันจะไม่ตามฉันเข้าไปในเมืองด้วยใช่มั้ย?’

 

จากคำบอกเล่าของเชวฮัน มังกรดำตนนั้นได้ติดตามพวกเขามาห่างๆก่อนที่จะล่าหาอาหารมาทิ้งไว้ให้ตอนเช้าและรีบหลบออกไป

 

‘มันน่ารักใช่มั้ย? มังกรดูเหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่สูญเสียความไร้เดียงสาไปแม้มันจะเจอชีวิตที่แสนโหดร้ายมาก่อนก็ตาม’

 

‘……..น่ารักกับผีล่ะสิ’

 

นั่นเป็นเพียงสิ่งที่คาร์ลคิดเมื่อเห็นเชวฮันพูดกับตนด้วยน้ำเสียงขบขัน ถ้าเชวฮันเห็นมังกรระเบิดภูเขาได้อย่างง่ายดายเขาก็คงไม่มาพูดว่ามันน่ารักต่อหน้าเขาเช่นนี้

 

คาร์ลไม่รู้ว่าทำไมมังกรดำถึงทำเช่นนี้ทั้งๆที่มันเคยกล่าวว่ามันเกลียดมนุษย์ มันทำให้เขามึนงงไปหมดมันไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดว่าจะเป็นแบบนี้ไปได้

 

ก่อนหน้านี้คาร์ลคิดว่ามังกรจะอยู่ห่างจากอาณาเขตของมาร์คควิสสแตนเพื่อสร้างถ้ำของมันและเพื่อพัฒนาพลังของมันให้แข็งแกร่งขึ้น คาร์ลหวังไว้ว่าหากมังกรเติบโตขึ้นมันจะสามารถทำลายอำนาจและสมบัติของตระกูลสแตนก่อนที่มันจะเกิดสงครามขึ้นในฝั่งตะวันออกนี้

 

และนั่นจะเป็นประโยชน์ในการรักษาอาณาเขตการปกครองของท่านเคานต์เฮนิตัสให้สงบร่มเย็นได้อย่างยาวนาน

 

“เตราะ”

 

คาร์ลเดาะลิ้นของตัวเองและก้มมองไปที่ลูกแมวทั้งสองที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าด้วยความตื่นเต้นก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆเขาเพื่อถามในสิ่งที่พวกมันเห็นด้านนอกนั้น

 

“หน้าบ้านของพวกเขามีหอคอยศิลาด้วย”

 

“ใช่ๆ….มันแปลกมากเลย”

 

คาร์ลเอ่ยตอบด้วยท่าทางไม่เต็มใจนัก

 

“ก็มันคือเมืองแห่งหอคอยศิลา”

 

เมืองพัซเซิลเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องที่มีซากปรักหักพังโบราณของหอคอยศิลาเป็นจำนวนมาก และยิ่งมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นจากการที่พวกเขามีหอคอยศิลาขนาดเล็กประดับไว้หน้าบ้านของพวกตน

 

คนในเมืองนี้สร้างร่องเล็กๆอยู่นอกหน้าต่างและสร้างหอหอคอยศิลาไว้บริเวณนั้น มันไม่ควรถูกเรียกว่าหอคอยเพราะมันมีเพียงก้อนหินขนาดใหญ่เรียงซ้อนกันน้อยกว่า 10 ก้อนแต่หอคอยศิลาของพวกเขาก็แตกต่างกันไปตามความชอบของเจ้าของบ้านแต่ละหลัง

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อโรงแรมหรูที่พวกคาร์ลมาถึงจะมีหอคอยศิลาประดับไว้ด้านหน้าของโรงแรมด้วย

 

“เราจะเข้าพักที่นี่ใช่หรือไม่?”

 

ฮันส์รีบตอบคำถามของคาร์ลในขณะที่เดินตามหลังของเจ้าของโรงแรม ฮันส์ดูเหมือนจะตื่นเต้นมากเมื่อเขาอุ้มลูกแมวทั้งสองไว้ในอ้อมแขนของตน

 

“ใช่แล้วขอรับนายน้อย…เราได้จองห้องให้ท่านเชวฮันไว้พักสองวันครั้งต่อไปจึงจะจองเพิ่มทีหลังให้กับเขาและคนอื่นๆที่จะเดินทางมาสมทบในภายหลังแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาว่าพวกเขาจะมาถึงตอนไหน”

 

รอนชะงักไปชั่วครู่กับคำพูดของฮันส์และรีบเดินตามหลังพวกเขาพร้อมกับถือกล่องเวทย์ไว้ในมือก่อนที่ฮันส์จะเริ่มพูดต่อ

 

“เราเดินทางมาถึงก่อนเทศกาลหอคอยศิลาทำให้ห้องพักมีราคาไม่แพงมากนัก”

 

เทศกาลหอคอยศิลาที่จะมาถึงในสัปดาห์หน้าทำให้ชาวเมืองพัซเซิลยุ่งอยู่กับการเตรียมงานเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลหอคอยศิลานี้ คาร์ลแค่นึกถึงสิ่งนี้โดยไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆออกมา

 

“มีหอคอยศิลาอยู่ที่เมืองแห่งนี้มากมายนักและมันก็ค่อนข้างน่าสนใจ…มันดูแปลกมาก”

 

“กระผมรู้สาเหตุขอรับ?”

 

‘ฮะ?’

 

คาร์ลเงยหน้ามองไปที่ฮันส์ผู้ที่เป็นคนตอบรับกับพูดของตน

 

“มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่ก็เป็นเรื่องราวที่กระตุ้นความสนใจของคนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี”

 

“หากเรื่องมันยาวมากนัก…เจ้าก็หยุดเล่าเถิด”

 

จริงๆคาร์ลก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ฮันส์ก็มีความตั้งใจในสิ่งที่เขาจะเล่าให้ฟังมากเช่นกัน คณะของคาร์ลที่เข้าไปในห้องพักของเขาจ้องมองเจ้าของโรงแรมที่กำลังเดินออกไปจากห้องก่อนจะเริ่มฟังเรื่องราวที่ฮันส์จะเล่า

 

“เรื่องนี้มันเป็นตำนาน…เอ่อ…มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยอดีตนานมาแล้ว”

 

“สมัยอดีต?”

 

คลิ๊ก!

 

เสียงปิดประตูดังขึ้นหลังจากที่เจ้าของโรงแรมก้าวออกไปพ้นห้องแล้ว ในตอนนี้เหลือเพียงคณะของคาร์ลที่อยู่ในห้องเขาเท่านั้น และคาร์ลก็ตอบรับกับคำของฮันส์ที่พูดถึงเรื่อง ‘สมัยอดีต’

 

“ขอรับ…เป็นเรื่องสมัยอดีต”

 

“เล่าต่อสิ”

 

ลูกแมวสองพี่น้องที่อยู่ในอ้อมแขนของคาร์ลกำลังกระดิกหางของพวกมันไปมาราวกับว่าพวกมันสนใจที่จะฟังเรื่องนี้เช่นกัน รอนเพียงยืนเงียบๆและรินน้ำมะนาวจากขวดที่เขาถือมาพร้อมๆกับกล่องเวทย์ก่อนจะยื่นให้คาร์ล

 

คาร์ลเพียงรับแก้วน้ำมะนาวมาถือไว้ในมือและนั่งลงบนโซฟาก่อนจะพาดขาของเขาไว้บนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม คาร์ลยกคางของตนขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณให้ฮันส์เริ่มพูดต่อ

 

“อะแฮ่ม……เมื่อครั้งอดีตเมืองนี้หลุดพ้นจากการคุ้มครองของพระเจ้า”

 

‘หลุดพ้นจากการคุ้มครองของพระเจ้างั้นเหรอ?’

 

คาร์ลไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

 

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนี้”

 

“นั่นเป็นเพราะนายน้อยไม่ได้เรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์”

 

“……ดูเหมือนเจ้าจะสนุกกับสิ่งที่พูดกับข้าในวันนี้…เจ้าจะพูดแบบนี้อีกหรือไม่? ห๊ะ?”

 

ฮันส์หันไปมองคาร์ลอย่างรวดเร็ว

 

“มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพ่อบ้านที่ดีที่จะแจ้งเรื่องราวในสิ่งที่เจ้านายของตนไม่ทราบนะขอรับ”

 

ก่อนที่ฮันส์จะเริ่มเล่าเรื่องในสมัยอดีต

 

“กระผมก็ไม่ทราบถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเมืองแห่งนี้จึงไม่ได้รับการคุ้มครองจากพระเจ้าอีกต่อไป แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นชาวเมืองนี้ก็รวมตัวกันเพื่อสร้างหอคอยศิลาขึ้น ดูเหมือนจะเป็นการสักการะบูชาพระเจ้าที่ทรงทอดทิ้งพวกเขา”

 

“แล้วมันส่งผลเช่นไร?”

 

“ไม่เป็นผลขอรับ”

 

พระเจ้าไม่รับฟังพวกเขา

 

“เห็นได้ชัดว่ามีการสวดอธิษฐานเมื่อเราย่างกรายเข้ามาที่นี่และมันก็เป็นเหตุผลให้เมืองนี้ไม่มีแม้แต่วิหารสักแห่งเดียว”

 

“ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องสวดวิงวอนต่อพระเจ้าที่ทอดทิ้งพวกเขาใช่มั้ย?”

 

“ว้าวๆ…..ถูกต้องนะขอรับ….นายน้อยของเราเป็นคนที่ฉลาดมากไม่เห็นจำเป็นต้องเรียนรู้เลยนะขอรับ”

 

“เจ้าอยากโดยต่อยใช่หรือไม่?”

 

ฮันส์หันหน้าไปมองคาร์ลก่อนเสมองไปยังภูเขาที่ห่างไกลออกไปและเริ่มพูดต่อ

 

“เอ่อ…อะแฮ่ม..แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้พวกเขาก็มีหอคอยศิลาแทนวิหารของพระเจ้า หอคอยศิลาแสดงถึงคำสัญญาที่ชาวเมืองมีให้แก่กันและมันก็เป็นคำสัญญาของตัวพวกเขากับหอคอยศิลาด้วยเช่นกัน”

 

“สัญญาอะไร?”

 

ฮันส์เริ่มอธิบายกฎแปลกๆของเมืองพัซเซิลนี้

 

“มนุษย์บางพวกก็มีความประสงค์ที่จะทำลายหอคอยศิลาของพวกเขาเช่นกัน”

 

คาร์ลเริ่มอมยิ้มออกมา ก่อนเอ่ยขึ้น

 

“เป็นเมืองที่น่าสนใจจริงๆ”

 

“น่าจะเป็นเช่นนั้นนะขอรับ? ตั้งแต่พวกเขาถูกทอดทิ้งจากพระเจ้าพวกเขาก็มุ่งมั่นที่จะทำทุกสิ่งให้สำเร็จด้วยกำลังของพวกเขาเอง การทำลายหอคอยศิลานั่นมันก็หมายถึงว่าพวกเขาได้ชนะเดิมพันแล้ว”

 

คาร์ลชอบการทำลายหอคอยศิลาเป็นอย่างมากและนึกถึงหอคอยศิลาที่ถูกทำลายลงตามหน้าบ้านของชาวเมืองบางส่วน

 

“หอคอยศิลาไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า”

 

“ถูก….มันเป็นตัวแทนการแสดงความมุ่งมั่นของตัวเองมากขึ้น”

 

ถึงอย่างไรหอคอยศิลาก็มีความสำคัญมากแม้ว่าคุณจะทำลายมันลงก็ตาม

 

“ข้าเดาว่าเป็นเพราะพระเจ้าไม่ได้ทำตามคำอธิษฐานของพวกเขาต่างหาก”

 

“ใช่…นายน้อยพูดถูกขอรับ ถึงมันจะเป็นเรื่องเศร้าที่พวกเขาถูกทอดทิ้งแต่เรื่องนี้ก็ทำให้ผู้คนมีความหวังเพิ่มมากขึ้น”

 

คาร์ลก้มลงเพื่อสั่งให้ฮันส์ทำตามเขา

 

“มองลงไปสิ”

 

“อะไรนะขอรับ?”

 

คาร์ลชี้ไปที่หน้าอกของฮันส์ด้วยนิ้วของเขา

 

“ดูเหมือนลูกแมวมันจะโมโห”

 

“ห๊ะ?……”

 

ฮันส์อ้าปากค้างเมื่อก้มลงไปมองลูกแมวทั้งสอง มันกำลังอ้าปากโชว์ฟันอันแหลมคมของพวกมัน ดวงตาสีทองของมันส่องประกายอย่างกล่าวหาว่าฮันส์เป็นคนเลว ก่อนที่เขาจะวางทั้งสองลงกับพื้น

 

“โอ้….ตายแล้วทำไมพวกเจ้าทั้งสองถึงโมโหเช่นนี้?หรือข้าจะทำให้พวกเจ้าทั้งสองหงุดหงิดกันนะ?”

 

ฮันส์เริ่มยิ้มด้วยความอ่อนโยน เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าลูกแมวทั้งสองเป็นสัตว์อสูรจึงเข้าใจว่ามันเพียงโมโหเพราะความหิว แต่ถึงอย่างไรลูกแมวก็ไม่ได้โมโหเพราะเรื่องนั้นแต่มันกำลังโมโหกับเรื่องอื่น คาร์ลเริ่มนึกถึงสิ่งที่ลูกแมวได้พูดคุยกับเขาก่อนหน้านี้

 

‘ข้าได้ยินจากฮันส์มาก่อนหน้านี้’

 

‘ฮันส์เขาพูดให้ฟังจริงๆ’

 

‘ถ้าท่านไปอธิษฐานที่หอคอยศิลา คำอธิษฐานจะเป็นจริง’

 

‘เขาบอกว่าหอคอยศิลาสวยมาก’

 

ปึง! ปึง!

 

ออนดูเหมือนจะโกรธขณะที่กระทืบเท้าของเธอลงพื้นเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ฮงก็สะบัดหางของมันกระแทกกับพื้นด้วยเสียงอันดังเช่นกัน พวกเขาโกรธที่ฮันส์โกหกเรื่องหอคอยศิลาแต่ก็ดูเหมือนว่าฮันส์จะเข้าใจผิดอยู่

 

“ตายแล้ว….แมวน้อยที่น่ารักของข้า…เดี๋ยวข้าไปหาขนมแสนอร่อยมาให้พวกเจ้านะ! นายน้อยกระผมขอตัวไปหาอะไรให้พวกเขาทานก่อนนะขอรับ?”

 

“อืม…ตัวเจ้าก็ไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ”

 

“กระผมจะรีบกลับมาขอรับหากมีอะไรขาดเหลือ…”

 

ฮันส์แจ้งว่าเขาจะรีบกลับมาหากมีอะไรขาดเหลือถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเขาเตรียมข้าวของทุกอย่างให้แก่นายน้อยเรียบร้อยแล้วก็ตามก่อนจะมุ่งหน้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

 

“รอน เจ้าก็ควรจะไปพักเช่นกัน”

 

รอนยังคงอยู่ในห้องและหันมามองเขาด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน

 

‘รู้สึกไม่ค่อยดีเลย…..’

 

คาร์ลเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของรอนนัก รอยยิ้มของเขาทำให้คาร์ลรู้สึกอึดอัดกว่าปกติก่อนที่รอนจะเดินเข้ามาใกล้โซฟาที่คาร์ลนั่งอยู่และเอ่ยถามขึ้น

 

“ท่านเชวฮันจะออกจากที่นี่ในอีกสองวันหรือขอรับ?”

 

“อืม…..”

 

คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาได้จากคำถามของรอน

 

“ทำไม? เจ้าไม่อยากให้เขาไป? หรือเจ้าต้องการจะไปกับหมอนั่นด้วย?”

 

รอยยิ้มของรอนเพิ่มความอ่อนโยนขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เขารู้สึกถึงมันได้

 

“ทำไมกระผมต้องทำเช่นนั้นด้วยขอรับ? กระผมจะทิ้งนายน้อยได้เช่นไร? รอนคนนี้..อยากอยู่เคียงข้างนายน้อยเสมอ”

 

ประโยคนี้ของรอนทำให้คาร์ลรู้สึกขนลุกชันขึ้นมาทันที

 

“เพียงแต่มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ท่านเชวฮันจะไม่ได้ร่วมทางกับเราจนถึงเมืองหลวง กระผมคงต้องคุยกับเขาให้มากยิ่งขึ้นก่อนที่เขาจะจากไปและบารอคคงจะรู้สึกเศร้ามากที่จะไม่ได้เห็นเขาอีก”

 

คาร์ลรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคที่เหลือของรอน เขาไม่ค่อยอยากจะสนใจเรื่องนี้มากนักเพราะมันน่ารำคาญแต่เขาก็ยินดีที่มิตรภาพของรอน เชวฮันและบารอคได้พัฒนาขึ้นมาบ้างแล้ว

 

การแสดงออกของเชวฮันค่อนข้างอ่านยากแต่คาร์ลพอเดาออกว่าถ้าเชวฮันเกลียดใครเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือพูดคุยอะไรด้วยเลย คาร์ลคิดถึงแผนการของเขาก่อนจะยกยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

 

“ไม่หรอก เดี๋ยวก็ได้พบกันอีกครั้งที่เมืองหลวง พวกเจ้าก็ค่อยไปเที่ยวด้วยกันได้นี่”

 

‘หรือพวกเจ้าทั้งสามคนสามารถออกจากที่นี่ไปยังอาณาจักรของโรสลินได้นะ.เจ้าคิดว่ามันเป็นอย่างไร?มันยอดเยี่ยมมากใช่หรือไม่?’

 

แน่นอนว่าคาร์ลไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมาเพียงแค่ส่งยิ้มให้รอนเท่านั้นส่วนตาแก่รอนก็ยังคงส่งยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนเดิม

 

“กระผมรอคอยที่จะได้พบท่านเชวฮันในเมืองหลวงยิ่งนักและตาแก่คนนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะเดินทางปลอดภัยจนถึงเมืองหลวง”

 

คาร์ลไม่ได้เชื่อถือกับสิ่งที่รอนพูดมากนัก ‘รอคอย’หรือแม้กระทั่ง ‘อยากให้ทุกคนปลอดภัย’ความรู้สึกเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตาแก่คนนี้ได้อย่างไร

 

“ฮึ!”ลูกแมวทั้งสองส่งเสียงผ่านจมูกเบาๆเมื่อจ้องไปที่รอน ออนและฮงรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญเป็นอย่างมากที่รอนพยายามสอนทักษะการลอบสังหารให้พวกมันลับหลังคาร์ล

 

“……..ตอนนี้เจ้าก็ออกไปได้แล้วล่ะ”

 

คาร์ลสามารถไล่รอนออกไปจากห้องได้อย่างง่ายดาย

 

“ฮันส์ขี้โกหก!”

 

“ข้าจะไม่ไว้ใจพ่อบ้านคนนี้อีกแล้ว!”

 

สองพี่น้องได้ระบายความโกรธของพวกเขาทันที คาร์ลไม่ได้สนใจพวกมันก่อนมองออกไปนอกหน้าต่างห้อง

 

คาร์ลกำลังจ้องไปยังทิศที่ตั้งของถ้ำที่อยู่หัวมุมของเมืองพัซเซิล ถ้ำแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหอคอยศิลาที่ยังสร้างไม่สมบูรณ์และพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘พละกำลังแห่งดวงใจ’ และถ้ำแห่งนี้ควรมีบ้านหลังเล็กๆอยู่ด้วย

 

‘มันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่เขาอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเขามีอายุได้ 150 ปี’

 

นี่เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เกิดจากการถูกทิ้งให้ตายเพียงลำพังด้วยโรคชราและผู้ล่วงลับคนนี้คิดว่าพลังของเขาคือคำสาป คาร์ลลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะจัดเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อยพร้อมกับเปิดประตูห้องออกไป

 

“โอ้…ตายแล้ว”

 

เป็นฮันส์ที่อยู่หน้าประตู เขามองเห็นรองหัวหน้าพ่อบ้านที่รีบวิ่งกลับมาหาเขาก่อนที่จะก้มมองแขนที่กระตุกด้วยความตกใจก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยขึ้น

 

“ไปดูหอคอยศิลากันเถอะ”

 

ใบหูของลูกแมวทั้งสองเริ่มลู่ตกลงก่อนจะพากันวิ่งไปหาฮันส์เหมือนกับไม่ได้โกรธเคืองเขาแต่อย่างใดก่อนที่เขาจะตัดสินใจเลือกคนที่จะไปกับเขาในทันที

 

“จะมีพวกเราและเชวฮันที่ไปด้วย…อ้อ…เอาออนกับฮงไปกับเจ้าด้วย”

 

มนุษย์ที่เสียชีวิตลงเมื่อเขาอายุได้ 150 ปีต้องการที่จะสร้างหอคอยศิลาในถ้ำที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของการเกิดพายุแห่งนี้

 

‘เมื่อก่อนมันอาจเป็นป่าแต่ตอนนี้มันเป็นเพียงลม?’

 

ใจกลางของถ้ำจะมีพายุเฮอร์ริเคนซึ่งดูเหมือนจะปรากฏออกมาจากที่ใดสักที่ในถ้ำแห่งนี้ชายชราได้ใช้เวลากว่า 100 ปีในการสร้างหอคอยศิลาท่ามกลางพายุเฮอร์ริเคนที่อยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตามเขาก็ทำไม่สำเร็จ

 

ชายชรามักจะทำลายหอคอยศิลาทุกครั้งเมื่อเขาสร้างมันใกล้จะเสร็จ เมื่อทำลายแล้วก็สร้างขึ้นมาใหม่เขาทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนจบชีวิตลงในวันที่สร้างหอคอยศิลาได้เพียงครึ่งทาง

 

ความต้องการที่จะทำเช่นนี้ของชายชราคืออะไร? คาร์ลไม่ได้สนใจ เขาเพิ่งคิดที่จะวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อมองหาบางอย่างเมื่อเดินทางไปถึงซากปรักหักพังของหอคอยศิลาในวันนี้

 

‘บางทีฉันอาจจะทำมันได้ดีถ้าจะสร้างมันขึ้นมา’

 

ตั้งแต่ที่เขาจะทำเช่นนั้นเขาก็ต้องการทำให้มันดูดี เขาต้องสนใจกับบางคนที่อาจพบเจอในกรณีที่เขาไปยังซากปรักหักพังของหอคอยศิลา

 

ใช้เวลาไม่นาน คาร์ล ลูกแมวทั้งสองตัว เชวฮันและฮันส์ก็เดินทางมาถึงทางเข้าซากปรักหักพังของหอคอยศิลา พวกเขาไม่ได้นำรถม้าที่มีสัญลักษณ์เต่าทองที่บ่งบอกความเป็นคนในตระกูลเฮนิตัสและคาร์ลก็สวมหมวกปิดบังใบหน้าโดยอ้างว่าตนไม่ชอบแสงแดด

 

‘พวกเขายังอยู่ที่นี่กันจริงๆด้วย’

 

คาร์ลสามารถหาคนที่เขากำลังมองหาได้ทันทีที่ย่างกรายเข้าไปยังซากปรักหักพังของหอคอยศิลา คาร์ลแอบซ่อนอยู่ด้านหลังของเชวฮันและฮันส์

 

ห่างจากที่พวกเขาอยู่ไม่ไกลนักมีชายหญิงสองคนแต่งตัวด้วยชุดที่สบายๆ ชายคนนั้นนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีผู้หญิงเป็นคนผลักรถเข็นให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า พวกเขาทั้งสองกำลังมุ่งหน้าออกไปจากซากหอคอยศิลานี้

 

พวกเขาไม่ได้สังเกตท่าทางที่ลับๆล่อๆของคาร์ล และค่อยๆเดินออกจากซากของหอคอยศิลาไปช้าๆชายคนนั้นหันหน้ากลับมามองผู้หญิงก่อนเอ่ยถามขึ้น

 

“ทำไมวันนี้เจ้าถึงอยากมาที่นี่หรือ?”

 

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…ถ้ามันคือข้อความจากพระเจ้าหรือเรื่องไร้สาระก็ตามแต่ข้าฝันเหมือนเดิมมาสองวันแล้วและนั่นทำให้ข้าอยากมาที่นี่ ในฝันบอกว่าพวกเราจะได้เจอผู้มีพระคุณถ้าเรามาที่นี่…..บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่พระเจ้าก็ยังไม่ทราบว่าผู้มีพระคุณจะทำอะไรแต่ความจริงที่ว่าผู้มีพระคุณจะปรากฏตัวขึ้นมาในวันนี้”

 

“มีแม้กระทั่งคนที่พระเจ้าก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ด้วยหรือ?”

 

“ใครจะรู้?ครึ่งหนึ่งอาจเป็นจริงอย่างที่พระเจ้าบอกแต่อีกครึ่งอาจเป็นเรื่องไร้สาระก็ได้”

 

ผู้หญิงที่มีผมสีน้ำตาลสั้นระบายความหงุดหงิดออกมา

 

“เรื่องไร้สาระ? มันคือข้อความจากพระเจ้านี่…อ้อ…แล้วเจ้าไปได้ยินความลับจากพระเจ้าได้อย่างไร?”

 

คนที่มีปฏิกิริยาตอบรับที่งุนงงอยู่นี้เขาคือบุตรชายคนโตของมาร์คควิสสแตน ‘เทย์เลอร์ สแตน’

 

“ข้าไม่เหมือนนักบวชคนอื่นๆในเมืองพัซเซิลหรอกนะและใครจะสนใจข้อความจากพระเจ้ากัน?พระเจ้าเลี้ยงดูพวกเราหรือไง?จะมีผู้มีพระคุณมาช่วยเหลือคนเช่นเราได้อย่างไร?แน่นอนว่ามันต้องเป็นเรื่องโกหก…เอ้า!…ข้าหิวแล้ว…เราไปหาอะไรกินกันเถอะ”

 

ผู้หญิงที่มีท่าทีที่หงุดหงิดอยู่นี้คือเพื่อนสนิทของเทย์เลอร์ เธอมีชื่อว่า ‘เคจ’ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่านักบวชหญิงผู้บ้าคลั่ง เทย์เลอร์มองไปที่เคจด้วยท่าทางที่เคร่งเครียดกว่าเดิม

 

“เคจ…ข้ารู้สึกเหมือนอยากดื่มเบียร์”

 

“จริงเหรอ? ข้าก็อยากกินหมูรมควันเช่นกัน”

 

พวกเขาละสายตาไปที่อื่นด้วยท่าทีที่เคร่งเครียด เทย์เลอร์ชี้นิ้วไปข้างหน้าก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง

 

“มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวได้อย่างยอดเยี่ยม ไปกันเถอะ!ผลักมัน!เร็วเข้า !มันจะเป็นการรักษาที่ยอดเยี่ยมสำหรับข้า ”

 

“ตายแล้ว….การรักษาที่ยอดเยี่ยมของเจ้าเช่นนั้นเหรอ? มา! นักบวชหญิงคนนี้จะทำให้ดีที่สุดเพื่อพาเจ้าไปรักษาที่นั่น”

 

ทั้งสองคนเริ่มหัวเราะขึ้นเมื่อพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวช้าๆออกไปจากที่นี่

 

คาร์ลไม่ได้ยินเสียงการสนทนาของคนทั้งคู่เพราะพวกเขาอยู่ห่างกันมาก แต่เขากำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการจดจำใบหน้าของทั้งสองคนที่ยังคงหัวเราะกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้

 

‘ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าพวกเขาหน้าตาเป็นอย่างไรและฉันต้องแน่ใจว่าจะเลี่ยงพวกเขาได้’

 

เนื่องจากคนทั้งคู่ไม่ทราบว่าคาร์ลเป็นใคร เขาจึงต้องทำให้แน่ใจว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงสองคนนั้นได้ในอนาคต

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 22 ตอบแทนบุญคุณ 2"

0 0 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

การตอบโต้ของผู้แข็งแกร่ง
การตอบโต้ของผู้แข็งแกร่ง
มีนาคม 12, 2022
The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์
The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์
มีนาคม 12, 2022
ผู้ใหญ่หลิวยอดเกษตร (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี วันละ 1 ตอน
ผู้ใหญ่หลิวยอดเกษตร
กรกฎาคม 20, 2023
คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
มีนาคม 12, 2022
3d07e6908d2216d
ข้าคือราชา “จอมขุด”
ธันวาคม 5, 2022
Player Who Returned 10,000 Years Later
Player Who Returned 10,000 Years Later
มีนาคม 12, 2022
Tags:
แฟนตาซี
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz