หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family) - บทที่ 21 ตอบแทนบุณคุณ 1

  1. หน้าแรก
  2. ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family)
  3. บทที่ 21 ตอบแทนบุณคุณ 1
Prev
Next

บทที่ 21 ตอบแทนบุณคุณ 1 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น

 

คาร์ลพยักหน้าให้แก่เชวฮันช้าๆก่อนเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำเย็นที่รอนเตรียมไว้ให้ เขานึกถึงสิ่งที่รอนได้กล่าวต่อเขาพร้อมๆกับรับรู้ความรู้สึกถึงการไหลของน้ำเย็นผ่านร่างกายของตน

 

‘นายน้อย..มันไม่ดีที่จะใช้เวลาไปทั้งคืนเช่นนี้ กระผมเป็นห่วงนายน้อยยิ่งนัก’

 

มันทำให้ให้เขารู้สึกโล่งขึ้นแม้จะไม่มีเหตุผลที่จะต้องใช้น้ำเย็นเลยก็ตาม เขาวางแก้วน้ำลงไปที่โต๊ะอย่างระมัดระวังและเริ่มพูดกับเชวฮัน

 

“เจ้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่?”

 

“ขอรับนายท่านคาร์ล”

 

หลังจากที่เชวฮันพาคาร์ลกลับมายังโรงแรมเขาก็รีบกลับไปกลบร่องรอยต่างๆที่ยังคงหลงเหลืออยู่และสร้างร่องรอยเท็จขึ้นมาใหม่ให้ร่องรอยนั้นมุ่งสู่ทางทิศตะวันตก

 

“เมี้ยว เมี้ยว” คาร์ลก้มลงมองลูกแมวที่เริ่มหงุดหงิดเพราะความหิวและเริ่มอ้าปากประท้วงขึ้น

 

คาร์ลหันกลับมาสนใจเชวฮันอีกครั้งและเริ่มอธิบายเกี่ยวกับเมืองที่พวกเขาจะไปถึงเร็วๆนี้

 

“เมืองต่อไปที่เราจะไปถึงชื่อเมืองพัซเซิลนั่นคือครึ่งทางของการเดินทางของเรา”

 

เมื่อเดินทางพ้นเขตเฮนิตัสที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาก็จะพบกับถนนที่ราบเรียบจากหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ไปยังเมืองหลวงได้

 

‘นั่นคือเหตุผลที่เขตเฮนิตัสเป็นเมืองที่ปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้จากการที่เมืองถูกล้อมรอบด้วยภูเขาแต่มันอาจสร้างความรำคาญให้เหล่าพ่อค้าได้เล็กน้อย’

 

แม้ว่าคุณจะมีสินค้าจำนวนมากที่จะขายก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับพ่อค้าที่จะเดินทางไปซื้อสินค้าเหล่านั้นหากถนนยังขรุขระและคดเคี้ยว อย่างไรก็ตามเหล่าพ่อค้าก็กำจัดความไม่สะดวกเหล่านี้ออกไปด้วยกาสร้างถนนทันทีที่พ้นอาณาเขตเฮนิตัส

 

นอกจากการดูแลถนนเหล่านี้แล้วยังมีการอนุญาตให้ผู้มีอิทธิพลในฝั่งตะวันออกจำนวนเกินครึ่งของอาณาจักรเป็นคนคอยควบคุมดูแลปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้น นั่นคือเหตุผลที่คนในเมืองหลวงสามารถพูดคุยถึงปัญหาต่างๆในฝั่งตะวันออกได้แม้ว่าจะไม่มีขุนนางชั้นสูงกว่าตำแหน่งมาร์คควิสในฝั่งตะวันออกนี้ก็ตาม

 

“ก่อนหน้านี้อาจจะใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะอาณาเขตของเรามีภูเขาสูงอยู่มาก แต่หลังจากนี้จะใช้เวลาในการเดินทางไม่นานนัก”

 

เมืองพัซเซิลไม่ได้เป็นครึ่งทางจากการวัดระยะทางแต่เป็นครึ่งทางในแง่ของระยะเวลาต่างหาก

 

“แต่ว่า…ท่านคาร์ล”

 

“มีอะไรหรือ?”

 

“ข้าได้ไปตรวจสอบแถวคฤหาสน์นั่นระหว่างเดินทางกลับ…”

 

“แล้ว?”

 

เมื่อเห็นท่าทางเหมือนหมดความอดทนของคาร์ลแล้ว เชวฮันก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยก่อนที่จะตอบออกไป

 

“พวกเขาทั้งหมดดูจะอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย มีทหารและอัศวินเดินทางออกจากหมู่บ้านด้วยขอรับ”

 

“ข้าแน่ใจว่าพวกนั้นคงไปส่งข่าว”

 

หลังจากที่ฟื้นสติขึ้นพวกเขาอาจจะแบ่งคนบางส่วนกลับไปรายงานให้เวเนี่ยนทราบและบางส่วนก็คงตรวจสอบพื้นที่รอบๆถ้ำ ถ้ามีเพียงเท่านี่ก็คงเป็นการรายงานเรื่องสุดท้ายของเชวฮันแล้ว

 

“แต่………….”

 

“พูดออกมา!”

 

คาร์ลเริ่มหงุดหงิดและเอ่ยถามเชวฮันด้วยน้ำเสียงห้วนสั้นและนั่นทำให้เชวฮันรู้สึกลำบากใจเพิ่มขึ้นอีกก่อนที่จะตัดสินใจเอ่ยออกมา

 

“ทางออกจากถ้ำที่เราออกมาเมื่อคืนนี้บางส่วนถูกระเบิดทำลายไม่ว่าจะต้นไม้ หญ้า พื้นดินและทุกๆอย่างโดยรอบล้วนถูกทำลายจนหมด”

 

อึ๊ก!

 

ร่างของลูกแมวทั้งสองตัวสั่นขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่ถึงเช่นนั้นคาร์ลก็ยังคงผ่อนคลาย

 

“ข้าแน่ใจ…ว่าเป็นฝีมือของมังกร”

 

เชวฮันยังคงยืนนิ่งอยู่เงียบๆ คาร์ลเริ่มอมยิ้มขณะที่ลุกออกจากที่นั่ง

 

แม้ว่าจะมีอายุเพียง 4 ขวบ มังกรก็ยังฉลาดมากมันรู้ว่าอาจมีใครสามารถรู้ถึงเส้นทางการหลบหนีของพวกเขาได้และอาจตัดสินใจที่จะระเบิดเพื่อทำลายมัน เนื่องจากมังกรยังคงมีความรู้สึกไวต่อพลังเวทย์จึงทำลายทุกสิ่งโดยรอบเพื่อเป็นการทำลายเครื่องมือเวทย์ทั้งหมดในพื้นที่นั้นด้วยเช่นกัน

 

“มันยังเป็นเด็กดีที่ไม่คิดฆ่าคนที่สลบไปทั้งหมด อาจจะเป็นเพราะมันยังเด็กเลยมีความกลัวอยู่บ้าง”

 

“อ่า…ข้าเห็นด้วย…ข้าสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์อันแข็งแกร่ง”

 

“อย่าดูถูกมันเพียงเพราะมันยังเล็ก ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะรู้สึกเสียใจได้”

 

มังกรได้รับการกล่าวว่าเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่มีความใจแคบเป็นอย่างมาก คาร์ลรู้สึกชื่นชมตัวเองที่เลือกจะปล่อยมังกรไปแทนที่จะนำมันกลับมากับเขา ก่อนจะเอ่ยกับเชวฮันอีกครั้ง

 

“เจ้าออกไปได้แล้วล่ะ….เจ้าควรจะต้องพักผ่อนให้มากก่อนที่เราจะออกเดินทางต่อ”

 

“ไม่..ข้าต้องไปช่วยบารอคก่อน”

 

“ใครนะ?บารอค?”

 

คาร์ลตกใจอ้าปากค้างก่อนเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว

 

“ข้าเดาว่าพวกเจ้าสองคนเริ่มสนิทกันแล้ว?”

 

ในตอนนั้นคาร์ลเห็นเชวฮันมีอาการที่ฝืนทนและอึดอัดเป็นครั้งแรก ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

 

“ไม่!….เราไม่สนิทกัน”

 

“อ่า…….ข…ข้าเข้าใจแล้ว”

 

คาร์ลตอบกลับด้วยท่าทางเดียวกับสีหน้าของเขาในตอนนี้ เชวฮันโค้งคำนับให้เขาเงียบๆก่อนออกจากห้อง ไป คาร์ลร้องเรียกเชวฮันอีกครั้งเพื่อสั่งเขา

 

“อ่า……บอกฮันส์ให้เตรียมเหล้าให้เจ้าด้วยล่ะ”

 

“อะไรนะ?”

 

ดวงตาของเชวฮันเบิกกว้างขึ้นก่อนที่หันกลับมามองคาร์ลอย่างเต็มตา เขามองไปที่คาร์ลที่มีความผ่อนคลายมากขึ้นก่อนที่คาร์ลจะก้มลงมองเวลาที่แสดงเวลา 7 โมงเช้าแล้ว คาร์ลตอบคำถามของเชวฮันด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

“เจ้าไม่เคยได้ยินอาการเมาค้างเหรอ?”

 

เชวฮันเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแต่คาร์ลก็ไม่ได้สนใจมากนัก ไม่สนใจแม้กระทั่งออนและฮงที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามว่าเขาจะเริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่เช้าหรือไม่?แต่เขาก็ยังไม่คิดที่จะสนใจพวกมันทั้งสองก่อนหันไปมองตัวเองในกระจก

 

“……เป็นสีหน้าที่ยอดเยี่ยมมาก”

 

ใบหน้าของเขาดูเหมือนจะเหนื่อยและเมามาก คาร์ลพยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนจะมุ่งหน้าลงไปที่ชั้น 1

 

‘นี่เป็นสิ่งที่ฉันคาดว่าจะได้เห็น’

 

7 โมงเช้า มันเป็นวันเริ่มต้นแต่ก็ยังคงไม่จบสำหรับบางคน รองหัวหน้าองครักษ์ยืนอยู่ที่นั่นราวกับว่าเขาไม่ได้ดื่มเหล้าสักหยดในเมื่อคืนนี้และกำลังพูดคุยอย่างเคร่งเครียดกับใครบางคนอยู่

 

คาร์ลสามารถมองเห็นเชวฮันที่อยู่ใกล้ๆเพราะคนที่พูดอยู่กับรองหัวหน้าองครักษ์นั้นคืออัศวินของคฤหาสน์มาร์ควิสสแตนที่พ่ายแพ้ให้กับเชวฮันไปเมื่อคืนนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดอาการตัวแข็งค้างได้

 

คาร์ลเดินเข้าไปหาเชวฮันช้าๆก่อนเตะเข้าที่ขาเชวฮันอย่างแรง

 

“ทำไมเจ้าถึงตัวแข็งเช่นนี้?”

 

“เอ่อ….ข้าคิดว่าได้ใช้แรงมากพอที่จะทำให้พวกนั้นไม่สามารถต่อสู้ได้ประมาณหนึ่งวันแต่พวกเขาก็สามารถฟื้นตัวและเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าที่คาดไว้ ข้าเคยคิดว่ามนุษย์มีร่างกายที่อ่อนแอแต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ ข้าคิดว่าต่อไปข้าสามารถใช้กำลังกับมนุษย์ด้วยแรงที่มากกว่าเดิมได้”

 

คาร์ลหันไปมองเชวฮันอีกครั้ง เชวฮันก็เป็นเหมือนตัวเอกในนิยายที่จะรู้สึกมีความสุขเมื่อได้กำจัดสิ่งที่เป็นอันตรายเพื่อผดุงความยุติธรรม และมันยังอาจมีสิ่งอื่นที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของคาร์ลอีกมาก

 

ออนและฮงเดินตามเขาลงมาที่ชั้นล่าง ลูกแมวทั้งสองทำสีหน้าเย้ยหยันบนใบหน้าก่อนที่จะแกว่งหางของพวกมันไปมาและจ้องมองไปยังอัศวินจากคฤหาสน์ของมาร์คควิสสแตน ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าพวกมันกำลังเพลิดเพลินกับสถานการณที่เกิดขึ้นนี้

 

‘……และฉันคือคนที่ขี้คลาดที่สุดในที่นี่…’

 

ขณะที่คาร์ลกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่และนั่งลงไปที่เก้าอี้ประตัวของเขา ชายชราเจ้าของโรงแรมก็นำขวดเหล้ามาให้แก่เขา

 

“นายน้อย…กระผมได้เตรียมเหล้าแบบเดียวกับที่ท่านดื่มเมื่อคืนนี้มาให้ขอรับ”

 

“ท่านผู้เฒ่า…ท่านสามารถเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยของข้าได้อย่างยอดเยี่ยม..นับเป็นสิ่งที่ดีข้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง”

 

“อะไรนะขอรับ?”

 

คาร์ลยิ้มให้ชายชราที่กำลังเป็นกังวลใจก่อนจะเอ่ยต่อ

 

“ข้าคิดว่าท่านเป็นคนที่ฉลาดเฉลียว…..นี่เป็นคำชมเชยสำหรับท่าน….และนี่เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับอาการเมาค้าง”

 

แคร็ก!

 

ฟู่!

 

ฝาของขวดเหล้าถูกเปิดออกด้วยเสียงที่ทำให้รู้สึกสดชื่นกระปี้กระเปร่า ก่อนที่คาร์ลจะเทเหล้าลงในแก้วและยกขึ้นดื่มอย่างช้าๆ ใบหน้าของคาร์ลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ คาร์ลลดระดับแก้วเหล้าให้ปิดบังตาของเขาไว้ครึ่งหนึ่งและเหลือบไปมองรองหัวหน้าองครักษ์ที่กำลังคุยกับอัศวินของมาร์คควิสสแตนอย่างเคร่งเครียด

 

“เมื่อวานเรามีการจัดกินเลี้ยงเพื่อผ่อนคลายจากการเดินทางไกล ทุกคนต่างดื่มและผ่อนคลายอย่างสนุกสนาน ข้ามั่นใจว่าไม่มีใครออกจากโรงแรมและข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอัศวินจากคฤหาสน์นายอำเภอถึงต้องมาสอบถามเราเรื่องนี้ด้วย”

 

ดูเหมือนอัศวินจากคฤหาสน์มาร์คควิสจะแนะนำตัวว่าตนเป็นคนของคฤหาสน์นายอำเภอ อัศวินส่งยิ้มให้กับรองหัวหน้าองครักษ์ที่ยังคงมีแววตาสงสัยแต่เขาก็ยังเอ่ยตอบกลับด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด

 

“มีโจรบุกรุกคฤหาสน์ของนายอำเภอเมื่อคืนนี้ มีอัศวินและทหารยามรวมถึงตัวข้าเองก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่เราก็ถูกขโมยของไปบางชิ้น เมื่อได้ยินว่ามีคนจากคฤหาสน์เฮนิตัสพักอยู่ในหมู่บ้านของเรา ข้าจึงได้มาตรวจสอบว่ามีโจรเข้ามาปะปนรวมกับพวกท่านบ้างหรือไม่”

 

‘ขโมยตูดแกนะสิ….พวกนี้คิดว่ามังกรมันเป็นสิ่งที่ขโมยได้ง่ายขนาดนั้นหรือไง?’

 

คาร์ลยกขวดเหล้ากระดกดื่มทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น คาร์ลหันไปสบตากับเหล่าอัศวินที่มีโอกาสได้พบกันมาก่อนเมื่อคืนนี้

 

“พวกท่านมองอะไรกัน?”

 

รองหัวหน้าองครักษ์หันกลับมามองที่คาร์ลทันทีก่อนก้มศีรษะทำความเคารพเขาอย่างรวดเร็วพลางกระแอมไอออกมาช้าๆและตอบรับด้วยเสียงดังด้วยความมั่นใจ

 

“อ่ะแฮ่ม…นายน้อยของเรากำลังดื่มเหล้าแต่เช้าเพื่อวันนี้ทั้งวันจะได้เป็นวันดีของท่าน ทั้งยังดื่มเพื่อแก้อาการเมาค้างจากการดื่มเหล้าที่มากไปในคืนก่อนหน้านี้”

 

เพราะเขาไม่สามารถรู้ได้ว่ารองหัวหน้าองครักษ์กำลังเย้ยหยันเขาหรือกำลังหาข้อแก้ตัวให้เขาอยู่ ก่อนที่จะยกขวดเหล้ากระดกดื่มอีกครั้ง

 

“อ่า..ข้าเข้าใจแล้ว…เป็นนายน้อยที่น่าสนใจนัก”

 

อัศวินตอบรับคำพูดของรองหัวหน้าองครักษ์ก่อนจะก้มทำความเคารพต่อคาร์ลทันที

 

‘ถ้าจะให้เดา…พวกนี้คงไม่สงสัยในตัวพวกเราแล้วสินะ’

 

คาร์ลรู้สึกว่าอัศวินเหล่านี้ไม่ควรมีเหตุผลที่จะต้องสงสัยในตัวพวกเขาอีกต่อไป คาร์ลรู้ดีว่าเหล่าอัศวินอาจจะสงสัยในคณะเดินทางของพวกตนได้เพราะมังกรหายไปเมื่อตอนที่พวกเขาพักกันอยู่ที่นี่และนั่นทำให้พวกเขาโผล่มาที่นี่แต่เช้า อ่า….มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรมากมายที่จะสงสัยพวกเขาจริงๆนี่นา

 

ลูกน้องของเวเนี่ยนในเหตุการณ์นี้จะต้องนึกถึงชุดสีดำที่มีสัญลักษณ์รูปดาวหกดวงติดอยู่ของผู้บุกรุกที่ทำการต่อสู้กับพวกตนและอาจจะมุ่งประเด็นการสงสัยไปที่กลุ่มคนจากองค์ลับสักแห่งรวมถึงร่องรอยที่มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกนั่นอีก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาจะไม่คาดคิดว่าคาร์ลที่เป็นเพียงขยะไร้ค่าจะสามารถทำอะไรเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน

 

“ข้าขออวยพรให้พวกท่านเดินทางอย่างปลอดภัย”

 

อีกทั้งไม่มีทางที่พวกเขาจะคุมตัวบุตรชายคนโตของท่านเคานต์เฮนิตัสไว้ได้หากไม่มีคำสั่งจากมาร์คควิสสแตน เวเนี่ยนหรือแม้กระทั่งนายอำเภอ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการที่ขุนนางกลุ่มนี้ต้องเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงตามคำสั่งของพระราชา

 

‘ใครจะคิดว่าขุนนางที่ดื่มเหล้าระหว่างเดินทางไปเข้าเฝ้าพระราชาเป็นเรื่องปกติกันเล่า?’

 

การเป็นเพียงขยะไร้ค่านับว่าเป็นเรื่องที่ดี คาร์ลยังคงยกขวดเหล้าดื่มต่อไปด้วยความพอใจ

 

‘ฉันมั่นใจว่าเวเนี่ยนจะไม่สงสัยอะไรในตัวพวกเราแม้ว่าหมอนั่นจะได้รู้เรื่องอะไรมาบ้างก็ตามแต่’

 

เวเนี่ยนและมาร์คควิสสแตน อาจเป็นคนที่รู้ดีกว่าคนอื่นๆว่าไม่มีความสัมพันธ์ใดๆระหว่างเคานต์เฮนิตัสกับองค์กรลับนั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันต้องเป็นเรื่องที่ข้องเกี่ยวกับมังกรด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้

 

คาร์ลมองตามหลังของเหล่าอัศวินที่เดินออกจากโรงแรมไปก่อนที่ดื่มชามะนาวผสมน้ำผึ้งที่รอนเตรียมไว้ด้านหน้าเขา

 

“รอน”

 

“ขอรับ…..นายน้อย?”

 

“ดูเหมือนชาผสมน้ำผึ้งจะแก้อาการเมาค้างได้ดีทีเดียว”

 

“เป็นเช่นนั้นหรือขอรับ?”

 

รอนหัวเราะน้อยๆก่อนมองมาที่คาร์ลแต่คาร์ลกลับก้มลงมองไปที่ท้องของตนเขาต้องพักท้องของตนเสียแล้วหลังจากที่ใช้งานมันหนักเกินไปและพวกเขาต้องเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง

 

จุดหมายต่อไปคือเมืองพัซเซิล เป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าที่ดีที่สุดของฝั่งตะวันออกและขึ้นชื่อในเรื่องของหอคอยศิลาที่ล้อมรอบเมือง

 

คาร์ลต้องการมองหาหอคอยศิลาที่ยังสร้างไม่เสร็จในเมืองพัซเซิล

 

“วันนี้เราจะค้างแรมกันข้างนอกใช่หรือไม่?”

 

ออนขยับตัวของมันเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามคาร์ล เขาพยักหน้าตอบรับ

 

“ใช่….ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราจะได้ค้างแรมกันข้างนอกบ่อยๆ”

 

คาร์ลได้จัดตารางกิจกรรมต่างๆอย่างสวยหรูสำหรับเมืองนี้ เป็นเพราะเขาต้องการใช้เวลาอยู่ที่เมืองพัซเซิลนานพอสมควร เขาหันหลังให้กับแมวสองพี่น้องที่กำลังกระซิบกระซาบกันอย่างเงียบๆก่อนมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า

 

‘พละกำลังแห่งดวงใจ’

 

นั่นคือชื่อพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับโลห์นิรันดร์กาล มันเป็นพลังที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูและเพิ่มพูนพละกำลัง

 

‘นั่นคือเหตุผลที่บุตรชายคนโตของมาร์คควิสสแตนต้องการมัน’

 

‘เทย์เลอร์’ลูกชายคนโตของมาร์ควิสที่สูญเสียตำแหน่งเป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูลไป เขาเป็นคนดีเพียงคนเดียวในตระกูลสแตน และในตอนนี้ครึ่งล่างของร่างกายของเขากลายเป็นอัมพาตเนื่องจากแผนการของเวเนี่ยน

 

เทย์เลอร์ได้ค้นค้าหาข้อมูลและเรื่องราวต่างๆเพื่อค้นหาพลังที่จะช่วยรักษาเขาได้ ก่อนจะเจอข้อความที่เกี่ยวกับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้เข้าในร้านขายหนังสือเก่า แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากที่จะถอดรหัสข้อความโบราณได้แต่เขาก็ไม่ละความพยายามในการที่จะถอดรหัสเพียงไม่กี่คำนั้น

 

‘การบูรณะซ่อมแซม’และ‘หอคอยศิลา’

 

ทั้งสองคำนี้เป็นเบาะแสสำคัญที่ทำให้เทย์เลอร์มุ่งหน้าไปยังเมืองพัซเซิลทันทีเพราะเมืองนี้ถูกเรียกว่าเมืองแห่งหอคอยศิลา ในตอนนี้เขาอาจจะอยู่ในเมืองพัซเซิลแล้วก็ได้เพราะในนิยายเขาจะสามารถหาพลังศักดิ์โบราณได้ประมาณหนึ่งเดือนนับจากนี้

 

‘แต่มันไร้ประโยชน์’

 

‘พละกำลังแห่งดวงใจ’ไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายที่บาดเจ็บของเทย์เลอร์ได้มันสามารถที่จะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บต่างๆที่ได้รับหลังจากที่ได้รับพลังนี้มาไว้กับตัวก่อนหน้านี้แล้วเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนค่ารักษาที่จะใช้ฟื้นฟูร่างกายรวมทั้งค่าใช้จ่ายๆอีกมากมายที่เขาต้องใช้มัน

 

เทย์เลอร์ตกอยู่ในความสิ้นหวังหลังจากทราบเรื่องนี้ เขาไม่มีเวลามากพอและพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เป็นความหวังสุดท้ายของเขาก็หลุดลอยหายไป เพราะเทย์เลอร์ไม่อาจรู้ได้ว่าเมื่อไรเวเนี่ยนจะลงมือฆ่าเขา

 

‘หลังจากที่เขาพบพลังนั่นได้หนึ่งเดือนเขาก็จะ….ตาย’

 

เทย์เลอร์จบชีวิตลงด้วยฝีมือขององค์กรลับนิรนามในขณะที่อยู่เมืองหลวงเขาจบชีวิตลงด้วยความสับสนและหวาดกลัวและแน่นอนว่าเวเนี่ยนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้

 

เหตุผลที่คาร์ลสามารถจดจำตัวละครนี้ได้ทั้งที่เป็นเพียงตัวละครรองที่บทบาทน้อยกว่าคาร์ลตัวจริงในนิยายเสียอีก นั่นเป็นเพราะมิตรภาพที่แข็งแกร่งระหว่างเทย์เลอร์กับเพื่อนของเขา

 

‘นักบวชหญิงผู้บ้าคลั่ง’ เธอเป็นเพื่อนสนิทของเทย์เลอร์และเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากการลอบสังหารเทย์เลอร์ เธอลงมือฆ่าเหล่านักฆ่าจากองค์กรลับนั้นลงเสียครึ่งด้วยความโกรธก่อนจะถูกขับออกจากวิหารที่เธอบวชอยู่ หลังจากเหตุการณ์นี้จบลงเธอได้รับอาการบาดเจ็บที่หลังของเธอและได้บอกแก่วิหารกับสิ่งที่เธอได้ทำไว้ด้วยความมั่นใจ

 

‘ข้าทำตัวเองเฉกเช่นมนุษย์แทนที่จะทำตามความประสงค์พระเจ้า และข้าเชื่อว่าสิ่งที่ข้าลงมือทำไปเป็นสิ่งที่ถูกต้อง’

 

จากนั้นเธอก็หันหลังเพื่อเดินจากไปอย่างสง่างาม

 

‘ตอนนี้ข้าเป็นอิสระแล้ว!’

 

นั่นคือตอนที่เธอถูกคนอื่นเรียกว่านักบวชผู้บ้าคลั่ง ความสามารถพิเศษของเธอคือการใช้พลังจากคำสาปแช่งของเทพเจ้าแห่งความตายได้ แม้ว่าเธอจะถูกขับออกจากวิหารแต่พระเจ้าของเธอกลับไม่ได้ทอดทิ้งเธอแต่อย่างไร

 

เมื่อสงครามเกิดขึ้นตามเนื้อหาในนิยายเธอจะมีชื่อเสียงมากขึ้นไม่ใช่ในฐานะของวีรสตรีแต่เป็นสิ่งที่เธอช่วยเหลือและรักษาผู้มีอาการบาดเจ็บ

 

‘ฉันคิดว่าครั้งนี้..มันจะต่างออกไป’

 

มีโอกาสดีที่เทย์เลอร์จะไม่ตายภายในหนึ่งเดือน ในตอนนี้เวเนี่ยนกำลังวุ่นวายกับเหตุการณ์ที่มังกรหายไปและต้องถูกจับตามองจากมาร์คควิสสแตนเพิ่มขึ้น เขาอาจจะต้องให้ความสำคัญกับน้องๆที่อายุน้อยกว่าตนมากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับพี่ชายที่เป็นอัมพาตเพื่อรักษาสถานะของเขาให้เป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูลของมาร์ควิสสแตนต่อไป

 

‘ตั้งแต่ที่ฉันจะใช้ความหวังสุดท้ายของเทย์เลอร์ ฉันก็ต้องให้ความหวังใหม่แก่เขาเช่นกัน’

 

พละกำลังแห่งดวงใจ เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เทย์เลอร์ไม่สามารถใช้งานได้แต่คาร์ลไม่ใช่คนใจร้ายมากพอที่ขโมยความหวังสุดท้ายของใครไปได้

 

คาร์ลอยากรู้ว่าหากเทย์เลอร์และนักบวชหญิงผู้บ้าคลั่งสามารถรวมตัวกันได้และมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นได้ คาร์ลมั่นใจว่าพวกเขาทั้งสองจะสามารถเปลี่ยนแปลงการมีอำนาจและสมบัติของมาร์คควิสสแตนได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลดีต่อคาร์ลในระยะยาวได้

 

อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งที่เขาคิดได้อย่างกะทันหันทำให้คาร์ลชะงักไปเล็กน้อย

 

‘หรือจะให้บารอคทำงานตามคำสั่งของเธอดีนะ?’

 

เมื่อคาร์ลคิดถึงความพยายามของผู้เชี่ยวชาญด้านการทรมานผู้อื่นเช่นบารอค เขาก็ตัดสินใจที่จะหยุดนึกถึงนักบวชหญิงผู้บ้าคลั่งคนนั้นทันทีพร้อมๆกับเลิกคิดถึงเทย์เลอร์ผู้ที่เป็นทั้งพลเมืองที่ดีและขุนนางที่ดีเช่นกัน

 

‘พวกเขาไม่ควรยุ่งเกี่ยวกันเป็นดีที่สุด’

 

พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างจากคาร์ลเป็นอย่างมาก ทั้งสองเป็นคนดีที่ซื่อสัตย์และไว้ใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้งไม่มีทางที่คาร์ลจะแนะนำให้รอนหรือบารอครู้จักกับคนประเภทนี้เด็ดขาด

 

‘ไม่….ฉันจะไม่มีความคิดที่ชั่วร้ายเช่นนั้นเด็ดขาด’

 

คาร์ลเลิกคิดถึงเรื่องรอนและบารอคอย่างรวดเร็วก่อนจะก้มมองเมื่อรู้สึกถึงแรงแตะที่ขาของตน เขามองเห็นดวงตาสีทองสองคู่ที่ส่องประกายงดงามก่อนที่พวกมันจะเริ่มพูดกับเขา

 

“ข้าได้ยินจากฮันส์มาก่อนหน้านี้”

 

“ฮันส์เขาพูดให้ฟังจริงๆ”

 

ฮันส์ยังไม่ทราบว่าลูกแมวสองพี่น้องเป็นสัตว์อสูรที่มาจากเผ่าแมวและยังคงพูดทุกสิ่งให้แมวทั้งสองฟังอยู่เสมอ และดูเหมือนว่าตอนนี้ลูกแมวอยากจะเล่าอะไรให้เขาฟังหลังจากได้ยินฮันส์เล่าให้ฟัง

 

“อะไรล่ะ?”

 

ลูกแมวสองพี่น้องเริ่มชินกับกิริยาที่หยาบคายของคาร์ลบ้างแล้ว และเริ่มพูด

 

“ถ้าท่านไปอธิษฐานที่หอคอยศิลา คำอธิษฐานจะเป็นจริง”

 

“เขาบอกว่าหอคอยศิลาสวยมาก”

 

“ข้าอยากไปแต่ก็ไม่เป็นไรถ้ามันจะน่ารำคาญเกินไป”

 

“ข้าอยากไปกับท่าน แต่ไม่เป็นไรถ้ามันจะยุ่งยากเกินไป”

 

คาร์ลมองไปที่ลูกแมวทั้งสองที่มีท่าทีกระวนกระวายด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่าก่อนเอ่ยถามพวกมัน

 

“พวกเจ้าทั้งสองอยากอธิษฐานว่าอะไรล่ะ?”

 

ฮงแตะไปที่ขนของมันช้าๆซึ่งตอนนี้ขนของมันเป็นเงาวาวและมีสุขภาพที่ดีเพราะได้รับการดูแลจากฮันส์เป็นอย่างดีก่อนจะตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

 

“ข้าอยากได้น้องชายคนใหม่เพิ่ม………..”

 

“ให้ตายสิ!”

 

คาร์ลเริ่มขุ่นเคืองต่อลูกแมวทั้งสองก่อนหันหน้าหนีพวกมันซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่รถม้าได้หยุดลง พวกเขาได้มาถึงที่พักค้างแรมในตอนเย็นแล้ว

 

“ดูเหมือนเราจะได้พักค้างแรมกันข้างนอกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปใช่หรือไม่ขอรับ?”

 

“ใช่แล้ว……”

 

คาร์ลตอบคำถามของฮันส์ก่อนจะมองไปรอบๆที่พักค้างแรมของพวกเขา ลมเย็นๆจากป่าพัดเส้นผมของเขาจนปลิวเล็กน้อย เขาใช้เวลาพักผ่อนตลอดทั้งคืนด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย

 

เช้าวันรุ่งขึ้น

 

“นายน้อยขอรับ”

 

“……นี่มันอะไรกัน?”

 

คาร์ลจ้องไปยังซากกวางที่กองอยู่ข้างที่พักค้างแรมของพวกเขา มันเพิ่งถูกล่ามาไม่นานนี้เอง ฮันส์รีบกล่าวรายงานแก่นายน้อยของตนที่กำลังจ้องซากกวางไม่วางตา

 

“มีคนทิ้งมันไว้ที่พักค้างแรมของพวกเราขอรับ”

 

ฮันส์ชี้ไปที่ซากกวางและคาร์ลก็มองไปที่จุดนั้นเช่นกัน บนพื้นดินมีภาพวาดเป็นรูปส้อมและมีดมันเหมือนกับว่าคนที่ทิ้งซากกวางไว้เพื่อให้พวกเขาได้กิน จากนั้นเขาก็หันไปจ้องเพื่อนร่วมทางของตนทันที ลูกแมวทั้งสองอยู่ในอ้อมแขนของเชวฮันและเขาก็กำลังจ้องมาที่คาร์ลพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า

 

‘อ่า….รู้สึกไม่ดีซะแล้วสิ’

 

เขารู้สึกแย่มากๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่สามารถพูดแต่ไม่สามารถเขียนได้ทิ้งซากกวางไว้ให้พวกเขา นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่เชวฮันคนที่เฝ้าเวรยามเมื่อคืนนี้รู้เห็นอย่างชัดเจนแต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ

 

‘…นี่มันแย่มาก….มันคือมังกรสินะ’

 

เขาหันศีรษะไปมองเชวฮัน ออนและฮง ซึ่งพวกเขายังคงจ้องมองเขาอยู่และเอ่ยเตือนพวกเขาอย่างเคร่งเครียด

 

“เราจะทำเป็นว่า…พวกเราไม่รู้เรื่องนี้แล้วกัน”

 

“เมี้ยว เมี้ยว”

 

“เมี้ยว เมี้ยว”

 

ลูกแมวสองพี่น้องดูเหมือนจะส่งเสียงเยาะเย้ยเขาแต่คาร์ลก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใดๆ อย่างไรก็ตามวัตถุดิบชนิดใหม่ๆก็ถูกส่งมาให้ตามที่พวกเขาหยุดพักค้างแรมเสมอ ทั้งหมูป่า กระต่ายและผลไม้ทุกชนิด มันทำให้คาร์ลมั่นใจว่ามังกรยังคงตามหลังพวกตนมาอยู่

 

ในตอนนี้คาร์ลและคณะเดินทางก็เดินทางมาถึงเมืองพัซเซิลแล้ว

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 21 ตอบแทนบุณคุณ 1"

0 0 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

เกิดใหม่ในโลกโปเกมอนกับการเดินทางสู่ความยิ่งใหญ่
เกิดใหม่ในโลกโปเกมอนกับการเดินทางสู่ความยิ่งใหญ่
มิถุนายน 5, 2023
เนตรเนรมิต – Tranxending Vision
เนตรเนรมิต – Tranxending Vision
มีนาคม 12, 2022
เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ
เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ
มีนาคม 12, 2022
Almighty coach
Almighty coach
มีนาคม 12, 2022
Banished Disciple’s Counterattack
Banished Disciple’s Counterattack
มีนาคม 12, 2022
Player Who Returned 10,000 Years Later
Player Who Returned 10,000 Years Later
มีนาคม 12, 2022
Tags:
แฟนตาซี
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz