หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family) - บทที่ 9 เอามันออกมา 2

  1. หน้าแรก
  2. ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family)
  3. บทที่ 9 เอามันออกมา 2
Prev
Next

บทที่ 9 เอามันออกมา 2 

 

คาร์ลถือถุงขนาดใหญ่กว่าถุงเมื่อวานถึงสองเท่า ขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังยอดเนินเขาของสลัมและสองพี่น้องก็มาทักทายเขาเช่นเคย เด็กๆยังคงปิดปากเงียบเมื่อพวกเขามองเห็นคาร์ล ก่อนที่เขาจะหยิบห่อกระดาษเล็กๆ สองถุงยื่นให้เด็กๆ

 

“รับไปสิ”

 

เด็กหญิงเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ เขาก้มมองเด็กหญิงที่มีผมสีเทาเข้มที่ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ เธอยื่นมือของตัวเองออกมาหาเขาเมื่ออยู่ในระยะที่เอื้อมมือถึง

 

“เฮ้!!!!” คาร์ลยื่นถุงกระดาษใบเล็กๆอีกสองห่อไปทางเด็กชาย

 

“มาเอามันไปสิ?” เด็กชายวิ่งปร๋อเข้ามารับจากมือของคาร์ลอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับผมสีแดงสดของตน เด็กชายคนนี้ถือว่ามีผมที่แดงเข้มกว่าเขามากนักก่อนที่เด็กชายจะวิ่งหนีเขาไป

 

คาร์ลหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่มีต้นไม้กินคนตั้งอยู่

 

“ว้าวววววว!!!!”

 

“มันไม่ใช่ขนมปังนิ มันเป็นเนื้อและก็ขนมเค้ก”

 

เขาได้ยินเสียงของสองพี่น้องที่พูดถึงอาหารที่เขาให้แต่ก็ไม่ได้สนใจยังคงสาวเท้าให้ยาวขึ้นเพื่อไปหาต้นไม้กินคนให้เร็วที่สุด

 

~ อร๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~

 

“มันก็จะดูน่ากลัวไปหน่อยนะ”

 

ต้นไม้สีดำขนาดใหญ่ที่ไม่มีใบอยู่บนต้นขยับส่ายไปมาคล้ายต้อนรับการมาถึงของคาร์ล นั่นทำให้เขาอดรู้สึกขนลุกไม่ได้มันทำให้เขาเกิดความกระวนกระวายใจเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเทขนมปังที่หอบหิ้วมาลงไปในโพรงของต้นไม้

 

ขนมปังทั้งหมดหายไปอย่างรวดเร็วและตอนนั่นเอง….

 

~ ขออีก…ขอมันมากกว่านี้อีก….. ~

 

‘นั่นมันทำให้เขาแทบบ้า’

 

การตอบโต้ของต้นไม้กินคนที่เขาอ่านมาจากนิยายมันเป็นเพียงแค่เสียงของผู้หญิงที่อ่อนแอ ใช่!คนที่ตายจากความหิวโหยจนร่างกายมีต้นไม้งอกขึ้นมานั่นคือนักบวชที่รับใช้พระเจ้า แต่ถึงอย่างไรก็ตามในสำนักสงฆ์ก็สามารถมีนักบวชผู้หญิงที่บวชรับใช้พระเจ้าได้อีกด้วย นักบวชหญิงอาจได้รับการพิจารณาจากผู้ที่มีอำนาจสูงสุดและต้องทำตามคำสั่งที่ผู้มีอำนาจจะบัญชา

 

คาร์ลรีบคว้าถุงขึ้นมาและเริ่มขยับตัวอีกครั้ง

 

‘คาร์ลคืนนี้มาหาพ่อที่ห้องทำงานนะ….’

 

นั่นคือสิ่งที่พ่อของเขาท่านเคานต์เดอรัชได้กล่าวไว้เมื่อตอนที่คาร์ลเข้าไปขอเงินเพิ่มและมันเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาต้องออกจากที่นี่ก่อนเวลาพลบค่ำ

 

‘อีกครึ่งแล้วกัน…..’

 

เขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในรอบวันเมื่อตั้งใจแล้วที่จะดูแลหาอาหารให้กับเจ้าต้นไม้ตะกละต้นนี้อีกสักครึ่งนึง เขาเดินกลับลงมาจากยอดเนินเขาเพื่อหาขนมปังเพิ่ม เขามองเห็นพี่น้องสองคนเหลียวมองเขาในขณะที่มีคราบเค้กติดริมฝีปากของทั้งคู่

 

“เตราะ!!” คาร์ลขมวดคิ้วและเดาะลิ้นของเขาก่อนจะเดินผ่าน2พี่น้องไป

 

จากนั้นคาร์ลก็เดินไปตามถนนที่มีร้านขายเบเกอรี่ตั้งอยู่มากมาย เขากวาดซื้อขนมทั้งหมดของร้านนั่นไปตั้งแต่เช้าเมื่อวานทำให้ร้านขนมปังนั่นมีขนมเหลือไม่เพียงพอต่อความต้องการของเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องมองหาร้านใหม่

 

“เอ่อ….นายน้อยคาร์ล…”

 

เสียงของผู้หญิงที่เอ่ยขึ้นทำให้คาร์ลหันศีรษะกลับไปมอง หญิงวัยกลางคนยืนยิ้มให้คาร์ลอย่างงุ่มงามก่อนที่จะชี้ไปยังร้านของเธอ มือของเธอสั่นและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแต่เธอก็ยังมีความมั่นใจ

 

“ร้านของเรามีขนมปังเป็นจำนวนมากเลยเจ้าค่ะ……”

 

คาร์ลเริ่มยิ้มออกมา ผู้หญิงคนนี้รู้วิธีทำมาค้าขายจริงๆ ผู้ค้ารายอื่นก็แอบมองและหาลู่ทางกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปเช่นกัน

 

คาร์ลโยนเหรียญทองให้ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะรีบหยิบมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

“เอาทั้งหมดที่ร้านของเจ้ามีแล้วจัดการห่อให้เร็วที่สุด”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นเต็มใบหน้าของหญิงวัยกลางคนพลางเดินกลับเข้าไปยังร้านของตนก่อนจะออกมาแทบทันทีพร้อมกับถุงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนมปัง เธอได้ห่อมันไว้ล่วงหน้าแล้ว….

 

“นี่เจ้าค่ะ..นายน้อยคาร์ล”

 

‘ว้าว….เป็นแม่ค้าที่ดีจริงๆ’ นี่คือคนฉลาดที่รู้วิธีสร้างรายได้ให้แก่ตนเอง

 

“ข้ายังเตรียมมันเพิ่มได้อีกเจ้าค่ะ นายน้อย” คาร์ลชอบหญิงวัยกลางคนนี้ยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเวลานั้น

 

“นายน้อยคาร์ล เราสามารถทำขนมปังได้มากกว่าที่นี่อีกนะขอรับ”

 

ชายชราคนหนึ่งวิ่งข้ามถนนมาหาคาร์ล เขาแต่งชุดเครื่องแบบประจำร้านขนมปัง คาร์ลชอบชุดที่เขาแต่งก่อนโยนเหรียญทองให้แก่เขาเช่นกัน

 

“ข้าจะไปที่ร้านของเจ้าต่อไป จัดการห่อให้เรียบร้อย….”

 

“ขอบคุณมากขอรับ นายน้อยคาร์ล”

 

คาร์ลรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าพวกนี้ พวกเขาทั้งหมดยังคงกลัวเขาในฐานะที่เป็นขยะไร้ค่าของตระกูล แต่พวกเขาไม่มีปัญหาใดๆเลยเมื่อขยะคนนี้สามารถสร้างรายได้ให้แก่ตนเองได้ อาจเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าคาร์ลไม่ใช่นักเลงที่เที่ยวระรานทุบตีผู้อื่น เขาเห็นสิ่งที่เป็นไปของเมืองแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

 

ความจริงที่ว่าคาร์ลซื้อขนมปังด้วยเหรียญทองได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟไหม้ป่า เป็นเงินถึง 1 ล้านแกลลอนในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ต่างก็ทำให้พวกเขาอ้าปากค้างให้กับสิ่งที่คุ้มค่าเช่นนี้

 

คาร์ลยกยิ้มที่มุมปากและดวงตาที่เปล่งประกายขึ้น

 

‘พรุ่งนี้ข้าสามารถมาเอาขนมที่สามร้านนี้ได้…’

 

เมื่อคาร์ลมอบเงินเหรียญทองให้พวกเขา ในแต่ละครั้งเขาก็จะได้รับขนมปังเต็มถุงอีกในวันรุ่งขึ้น มันทำให้เขามีความสุข ทุกอย่างกำลังราบรื่น

 

อย่างไรก็ตามมีบางคนที่เฝ้ามองคาร์ลในมุมที่ไม่ห่างไกลนัก

 

“อืม….”

 

เป็นพ่อครัวบารอคเช่นเดียวกับพ่อของเขา ตอนนี้เขามีผ้าพันแผลอยู่รอบคอตนเองและเฝ้ามองคาร์ลจากด้านหลังไม่ไกลนัก เขาเพิ่งเห็นว่าคาร์ลซื้อขนมปังและสมุนไพรบางอย่างก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปยังสลัม

 

“หมอนั่นบ้าไปแล้วรึไง?” จะว่าไปก็เหมือนหมอนั่นจะบ้าไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน

 

บารอคไม่เคยสนใจเรื่องของคาร์ลมาก่อนแม้ว่ารอนพ่อของตนจะบอกว่าคาร์ลเป็นเด็กที่น่าสนใจ แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นมากเท่าไหร่เขาก็เริ่มเห็นด้วย รู้สึกว่ามันน่าจะมีเรื่องที่น่าสนุกมากที่ได้เห็นคาร์ลเป็นแบบนี้เช่นเดียวกับเด็กโสโครกผมดำคนนั้น ตาของบารอคเริ่มเป็นประกายระยับด้วยความพอใจ

 

บิลอส เจ้าของร้านกลิ่นชากับบทกวียืนจิบชาอยู่ชั้นบนสุดของร้านเพื่อรับรายงานจากนักสืบเงาของตน

 

“นายน้อยคาร์ลกำลังเดินเข้าออกในสลัมงั้นหรือ?”

 

“ขอรับ นายท่านบิลอส”

 

“อืม”

 

“เราได้รับการติดต่อจากเมืองหลวงด้วยขอรับ…”

 

“อย่างนั้นรึ?”

 

ดวงตากลมของบิลอสมองออกยากเนื่องจากไขมันที่พอกปิดตาของเขา นักสืบเงาคร่ำครวญในใจตนก่อนจะรายงานข้อมูลที่ตนทราบมาเพื่อแจ้งต่อบิลอสอีกครั้ง

 

“ใช่ขอรับ เร็วๆ นี้พระราชาจะจัดงานเฉลิมฉลองขึ้น นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาต้องการให้นายท่านบิลอส กลับไปทำงานให้อีกครั้งขอรับ”

 

เคร้ง! บิลอสวางถ้วยชาของเขาบนโต๊ะอย่างแรงก่อนพยักหน้าให้กับลูกน้องของตน

 

“นายออกไปได้แล้ว……”

 

นักสืบเงาขยับเข้าไปในความมืดก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว บิลอสมองไปยังจุดที่นักสืบเงาเพิ่งหายตัวไปเมื่อครู่ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกบิดเหยียดขึ้น

 

“พวกมันคงคิดว่าข้าเป็นเพียงสุนัขที่มีหน้าที่เฝ้าบ้านให้พวกมันกระมัง?”

 

สายตาของเขาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างดูเหมือนว่าการจ้องมองของเขาจะถูกส่งไปไกลถึงเมืองหลวงที่ห่างไกลออกไป

 

************************************************************************************

 

“นี่มันไม่ใช่ขนมปัง ไม่ใช่ขนมปัง นี่ก็ไม่ใช้ขนมปัง ….”

 

“แล้ว….?” เมื่อเห็นเด็กหญิงกำลังพึมพำว่า ‘ไม่ใช่ขนมปัง’ ซ้ำแล้วซ้ำอีกขณะที่เธอถือสมุนไพรไว้ในมือ คาร์ลก็ได้แต่ส่งเสียงลมผ่านจมูกเบาๆก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปยังต้นไม้กินคน แต่ถึงอย่างนั้นเด็กชายก็ได้วิ่งตามเขาทัน

 

“ท่านต้องไม่ตาย…” นั่นคือสิ่งที่เด็กชายบอกกับเขา คาร์ลไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมา

 

คาร์ล ไม่ใช่สิ คิมร็อคโซ

 

เขาเป็นเด็กกำพร้าและไม่ได้เป็นคนที่มีความน่าสนใจใดๆ นั่นเป็นเหตุผลที่มีคนจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าคิมร็อคโซเป็นคนที่น่าสงสารเป็นอย่างมาก

 

‘ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรที่จะแสดงความเห็นใจต่อคนที่ด้อยกว่า’

 

นั่นคือสิ่งที่เขาได้ยินมาโดยตลอดตั้งแต่ที่ยังเป็นเด็ก

 

‘คนขอทาน’

 

‘เด็กกำพร้าที่ยากจน’

 

‘คุณไม่ต้องหาเหตุผลในการที่จะเห็นอกเห็นใจผู้อื่น’

 

ในตอนเด็กเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่คนอื่นบอกแต่เขาเริ่มเข้าใจความหมายที่แท้จริงของมันเมื่อเขามีอายุเพิ่มมากขึ้น ไม่ต้องมีเหตุผลอันสมควรอันใดถ้าใจคุณบอกให้ทำ ใช่!! มันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล

 

“มันน่าหงุดหงิด…”

 

คาร์ลเกลียดที่เห็นเด็กถูกทำร้าย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มีความคิดที่จะดูแลทำแผลให้กับเด็กหญิงหรือคำพูดที่จะปลอบโยนเธอ เขามองดูเด็กหญิงที่เดินกระโผลกกระเผลกมายืนข้างเด็กชายก่อนเอ่ยปากบอก

 

“ข้าจะไม่ตาย”

 

สองพี่น้องหยุดเดินตามเขาทันทีที่ได้ยินเขายืนกรานเช่นนั้น คาร์ลไม่พอใจกับความคิดของตัวเองที่ว่าเขาทำในสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด เขาเกลียดการที่จะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง แต่เขาต้องทำอย่างนั้นเมื่อนำสมุนไพรรักษามาให้เด็กหญิง

 

~ อร๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง~

 

~ ขออีก ขอมันเพิ่มอีก…~

 

“ได้ กินให้หมด”

 

คาร์ลโยนขนมปังในถุงทั้งหมดลงในโพรงของต้นไม้โดยไม่ต้องห่วงว่ามันจะไหลเข้าไปทิศทางใด ไม่ต้องกังวลเพราะมันจะหายไปในความมืดซึ่งบัดนี้ความมืดของมันเริ่มเบาบางกลายเป็นสีเทา มันเริ่มมีแสงสว่างแล้ว

 

‘ฉันคิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องไปหาเงินเพิ่มแล้ว….’

 

คาร์ลเทขนมปังในถุงที่เหลือเข้าไปในโพรงก่อนตรงดิ่งกลับไปยังคฤหาสน์ เขาไม่ได้เห็นสองพี่น้องอีกแต่นั่นนับเป็นเรื่องดีสำหรับเขา อย่างไรก็ตามในระหว่างทางกลับบ้านเขาได้เห็นแมวสองตัวที่กำลังไล่ฟัดกันอยู่ก่อนที่พวกมันทั้งคู่จะสะดุ้งสุดตัว

 

‘มันเป็นลูกแมวตัวเมื่อวานใช่มั้ย พวกมันคงจำฉันไม่ได้หรอก?’

 

ลูกแมวขนสีเงินดวงตาสีทองและแมวขนสีน้ำตาลแดงดวงตาสีทอง ลูกแมวทั้งสองตัวไม่ได้ส่งเสียงร้องใดๆเมื่อมองมาที่คาร์ลและเขาไม่ต้องการแสร้งแสดงเป็นคนอ่อนโยนใดๆกับแมวทั้งคู่ขณะที่มุ่งหน้ากลับคฤหาสน์ต่อไป

 

จากนั้นเขาก็ได้ยินบางสิ่งจากท่านเคาน์เดอรัช ที่ทำให้เขาเกือบเป็นลม

 

“ท่านพ่อช่วยพูดอีกครั้งได้ไหมขอรับ?”

 

“ได้สิ คาร์ล”

 

บาเซ็นเองก็ยืนอยู่ข้างๆคาร์ลเช่นกัน มันเป็นเรื่องราวในตระกูลเฮนิตัสที่ไม่ได้กล่าวถึงในนิยายเรื่องนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าเขาในขณะนี้

 

“ลูกจะต้องเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้าพระราชาในฐานะตัวแทนของตระกูลเรา”

 

อ่า!!!!….เขารู้สึกว่าอาการปวดหัวจะเริ่มถามหาแล้วสิ

 

“เดิมทีบาเซ็นควรจะไป แต่ถึงอย่างนั้นลูกก็เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเรา”

 

คาร์ล หุบและอ้าปากของเขาซ้ำๆ ในขณะที่เขามองดูท่านเคานต์เดอรัชที่นั่งส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้

 

เข้าเฝ้าพระราชามีเหตุการณ์ใดในนิยายนี้นะที่ต้องไปเข้าเฝ้าพระราชากัน…เขาพยายามทบทวนเนื้อหาเพิ่มเติมในขณะที่ท่านเคานต์ยังคงพูดต่อ

 

“พระราชาเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่และครอบครัวผู้ครองนครของแต่ละดินแดนได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกจะได้ไปเข้าเฝ้าพระราชา ซึ่งบาเซ็นก็ได้ทำหน้าที่คล้ายกันนี้เป็นเวลา 2 ปีแล้ว ดังนั้นพ่อเลยอยากให้ลูกเป็นคนไปในครั้งนี้”

 

งานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ที่จัดโดยพระราชา ทำให้คาร์ลนึกถึงแค่เหตุการณ์เดียว เหตุการณ์น่ากลัวที่เกิดขึ้น ณ จัตุรัสกลางเมือง องค์กรลับได้ก่อเหตุร้ายขึ้นเมื่อมีชาวบ้านจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ในที่เดียว พระเอกของเรื่องอย่างเชวฮันคือผู้ที่สามารถป้องกันแผนร้ายของพวกมันได้ครึ่งหนึ่ง เหตุการณ์นั่นน่าจะเป็นครั้งที่สี่ที่เชวฮันและองค์กรลับได้ปะทะกัน ผลที่ตามมาเชวฮันสามารถช่วยชีวิตชาวบ้านได้เป็นจำนวนมากในจัตุรัสกลางเมือง ก่อนที่จะได้มารู้จักกับองค์ชายรัชทายาทพร้อมกับพัฒนามิตรภาพได้อย่างรวดเร็ว

 

คาร์ลสะท้านไปทั้งตัว

 

ตั้งแต่ที่นิยายได้เลือกบรรยายในมุมมองของเชวฮัน ทำให้ไม่ได้กล่าวถึงการรวมตัวกันของเหล่าขุนนางทั้งหมด กล่าวว่าเชวฮันได้รับสมาชิกบางส่วนเข้ารวมกลุ่มทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์ที่จัตุรัสกลางเมืองเช่นเดียวกับที่เชวฮันได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากองค์รัชทายาท

 

แต่เขาต้องไปถึงก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์โจมตีของพวกก่อการร้าย? แน่นอนว่าเขาไม่ทราบว่าขุนนางเหล่านี้จะรวมตัวกันอยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองหรือไม่? คาร์ลเริ่มนึกถึงข้อมูลในนิยาย กำเนิดวีรบุรุษ

 

[ชาวเมืองจำนวนมากมาชุมนุมกัน ณ จัตุรัสกลางเมือง ยังมีที่นั่งที่ยังว่างอยู่สำหรับเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่จะมาถึงในไม่ช้า เชวฮันสามารถมองเห็นกลุ่มคนพวกนั้นที่ดูเหมือนว่าจะมีตำแหน่งที่สำคัญ แต่ที่สำคัญกว่านั้นความจริงที่ว่าเขามีประชาชนผู้บริสุทธิ์อยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก ทั้งเด็ก คนแก่ ผู้ชาย ผู้หญิง หัวใจของเชวฮันเริ่มเต้นเร็วขึ้น เขาไม่ต้องการที่จะเห็นชาวบ้านที่ไร้เดียงสาต้องตายต่อหน้าตนอีกครั้งหนึ่ง]

 

กลุ่มคนพวกนั้นที่ดูเหมือนว่าจะมีตำแหน่งที่สำคัญ จะเป็นขุนนางหรือเปล่านะ?

 

คาร์ลหันไปมองบาเซ็น ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะยังคงพูดต่อ แต่บาเซ็นก็ยังคงยืนอยู่ข้างกายเขาอย่างไม่ยินดียินร้ายพลางเหลือบมองพ่อของตนที่ยังจ้องมองเพียงคาร์ลอยู่

 

‘ทั้งๆที่ควรให้บาเซ็นไปทำไมเคานต์เดอรัชถึงเลือกเขาไปนะ’

 

ปากของคาร์ลยังคงหุบเข้าหุบออกซ้ำๆเขาไม่ต้องการไปยังพื้นที่อันตรายเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยปากบอกให้บาเซ็นไปได้ ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันของคาร์ลตัวจริงกับน้องชายของเขาถือเป็นสิ่งที่ยากที่จะเอ่ยปัดได้ ใจของคาร์ลเริ่มสับสนมันมีบางอย่างที่แปลกไปไม่มีทางที่ท่านเคานต์เดอรัชจะส่งขยะไร้ค่าไปยังเมืองหลง ทำไมพ่อถึงต้องพยายามส่งเขาไป? คาร์ลสงสัยว่าเขาทำอะไรผิดพลาดไปถึงทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นได้

 

“ลูกจะต้องออกเดินทางในอีกห้าวัน”

 

อีกห้าวัน? เมื่อได้ยินว่าคาร์ลจะต้องเดินทางไปเมืองหลวงในอีกห้าวันทำให้เขารู้ว่าทำไมคาร์ลถึงไม่ได้เป็นคนไปเข้าเฝ้าพระราชา ในนิยายเขาถูกเชวฮันทำร้ายทุบตีอย่างรุนแรงในอีกสี่วันต่อมา ไม่มีทางที่เขาจะได้ไปเมืองหลวงในสภาพแบบนั้นได้

 

“คาร์ล….ก่อนหน้านี้บาเซ็นก็ไปร่วมเข้าเฝ้าพระราชามาก่อน เมื่อคิดดูก็ถือเป็นสิ่งที่สำหรับต่อลูกนะ ลูกจะสนุกไปกับการเดินทาง”

 

“ท่านพ่อขอรับ?” เคานต์เดอรัชหันไปมองบุตรชายตามที่คาร์ลเรียกเช่นเดียวกับบาเซ็นก็ไปมองพี่ชายของตนเช่นกัน

 

“ลูกเป็นกังวลเล็กน้อยเพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันเกินไป ลูกไม่ได้ไปที่ใดเลยในตลอดสองปีที่ผ่านมา ลูกไม่เข้าใจว่าทำไมลูกต้องเป็นคนไป ขอเวลาให้ลูกคิดถึงเรื่องนี้ด้วยขอรับ…”

 

ท่านเคานต์เดอรัชพยักหน้าตกลงก่อนบอกให้ลูกชายทั้งสองของตนออกไปจากห้องทำงานของตนอย่างรวดเร็ว คาร์ลกำลังยุ่งอยู่กับการคิดถึงสิ่งต่างๆมากมาย ถ้าคาร์ลยังคงทำตามบทเดิมที่นิยายวางไว้น้องชายของตนก็ต้องเป็นคนเดินทางไปในครั้งนี้แต่มันก็คงไม่เป็นการดีต่อตัวเองเท่าใดนักหากต้องเอาตัวเข้าแลกโดยการให้เชวฮันทำร้ายตน

 

ทันใดนั้น เสียงเรียกจากบาเซ็นก็ฉุดให้คาร์ลออกจากภวังค์ความคิด

 

“พี่คาร์ล…ขอรับ”

 

คาร์ลหันศีรษะไปทางเสียงเรียก เขาพูดคุยกับบาเซ็นโดยไม่ต้องมองหน้าหรือสบตาใดๆต่อกัน บาเซ็นอายุ 15 ปีและเขาก็พูดคุยกับพี่ชายเช่นนี้มาโดยตลอดเท่าอายุของเขา

 

“พี่……มันไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่จะไปไม่ได้”

 

“เฮ้อ…” คาร์ลทอดถอนหายใจของตน บาเซ็นไม่ได้มองมาที่คาร์ลเขาออกจากห้องทำงานของบิดาก่อนมุ่งหน้ากลับห้องของตนเอง คาร์ลจ้องมองไปที่บาเซ็นเป็นเวลานาน

 

“มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้….”

 

คาร์ลถูกผลักให้ออกจากตำแหน่งผู้สืบทอด คาร์ลไม่สามารถหยุดทำตัวเป็นขยะไร้ค่าของตระกูลได้นั่นเป็นเหตุผลที่บาเซ็นต้องมาดำรงหน้าที่แทนเขาตลอดสองปีที่ผ่านมา เขาเหมือนเป็นตัวตลกสร้างความอับอายให้แก่ตระกูลและนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งในเหตุผลอีกหลายข้อที่เขาไม่ควรเป็นตัวแทนของตระกูลไปเข้าเฝ้าพระราชา อย่างไรก็ตามบาเซ็นบอกว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่ไปงานนี้

 

บาเซ็นบอกว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะให้คาร์ลไปเป็นตัวแทนของตระกูล

 

‘ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากนะสิ’ คาร์ลกล่าวอย่างขุ่นเคือง เขาไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิดแต่อาจจะมีปัญหาอื่นอีกก็คือ

 

‘มันก็คุ้มถ้าจะลองเสี่ยง..’ เขากำลังคิดว่าเขาน่าจะผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ได้ เหตุผลก็คือโอกาสที่เขาจะกลับมาโดยไม่ต้องตายหรือได้รับบาดเจ็บก็มีค่อนข้างสูง

 

‘มันจะยิ่งยุ่งยากหากบาเซ็นจะตายก่อนที่จะได้รับตำแหน่งเคานต์’

 

เพื่อให้คาร์ลสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข บาเซ็นจำเป็นที่จะต้องรอด ถึงจะมีน้องสาวคนสุดท้องอีกคนแต่ลิลลี่ก็ยังเด็กเกินไป นอกจากนี้คาร์ลจำเป็นต้องออกจากเมืองเวสเทิร์น หลังจากที่ได้โล่นิรันดร์กาลซึ่งเป็นพลังศักดิ์สิทธ์จากต้นไม้กินคนแล้วเพื่อจะสามารถใช้พลังนั้นรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณจากสถานที่อื่นนอกเขตเฮนิตัสได้

 

ใจของเขาเริ่มลังเล….

 

เขามองไปที่รองพ่อบ้านฮันส์ที่กำลังมุ่งหน้ามาหาตนด้วยอารมณ์ที่รุนแรงแต่ใบหน้าเขาไม่ได้มืดครึ้มดูเหมือนจะมีอาการขมขื่นแต่ดวงตาของเขาแจ่มใส

 

“นายน้อย…แขกของนายน้อยขอร้องให้…….”

 

“ฮันส์…” คาร์ลขัดขึ้นก่อนที่ฮันส์จะรายงานจบ

 

“นำแขกมาหาข้าที่นี่….”

 

“เอ่อ…อะไรนะขอรับ?”

 

หากคาร์ลเลือกไม่ได้ที่จะปฏิเสธการเดินทางไปเขาจะต้องหาวิธีที่สะดวกสบายและได้ประโยชน์ต่อตัวเขาให้ได้มากที่สุด

 

“ถ้าเขาไม่ยอมมา ก็บอกเขาเรื่องนี้สิ”

 

จากการแสดงออกของฮันส์ เขามั่นใจว่าปัญหาของเชวฮันจะถูกตัดสินอย่างถูกต้อง ในนิยายท่านเคานต์เดอรัชได้จัดงานศพที่เหมาะสมสำหรับชาวบ้านและดูแลทุกอย่างแม้กระทั่งหลังจาที่เชวฮันทำร้ายคาร์ลแล้วก็ตาม นั่นคือสิ่งที่ไม่ควรถูกเปลี่ยนแปลงเลย

 

“จ่ายเงินคืน…”

 

“เอ่อ….?”

 

“บอกเขาให้มาหาข้าเพราะข้าคิดวิธีที่จะให้เขาคืนเงินข้าได้แล้ว”

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 9 เอามันออกมา 2"

0 0 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

Apocalypse Meltdown (โลกาวินาศล่มสลาย)
โลกาวินาศล่มสลาย
พฤษภาคม 17, 2022
ดาบพิโรธสวรรค์
ดาบพิโรธสวรรค์
มีนาคม 12, 2022
Warlock Apprentice
Warlock Apprentice
สิงหาคม 5, 2025
การกลับมาของฮีโร่
การกลับมาของฮีโร่
พฤษภาคม 17, 2022
Holistic Fantasy
Holistic Fantasy
มีนาคม 12, 2022
ลุงหนวดที่ทรงพลัง
ลุงหนวดที่ทรงพลัง
กรกฎาคม 28, 2022
Tags:
แฟนตาซี
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz