กระทะเหล็กกู้โลก - ตอนที่ 32 ความจริงอันโหดร้าย
ตอนที่ 32 ความจริงอันโหดร้าย
"คนจากข้างในเมือง?" ซ่งเจิงถามออกมาด้วยความสงสัย เขาคนนี้ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคนข้างในเลยแม้แต่น้อย
"อืม พวกนายที่อยู่ตรงนี้ถือว่าเป็นคนข้างนอก เลยไม่มีมาตรการการป้องกันที่มั่นคง และไม่มีแหล่งที่มาของพื้นฐานชีวิต แม้แต่ความปลอดภัยในชีวิตก็ไม่มี" ฉู่อี้ก็อธิบายเพิ่ม เรื่องที่พวกเขาทั้งสามคนไม่รู้เรื่องของคนข้างในนั้นเขาไม่ได้ตกใจเท่าไหร่
"การสร้างที่อาศัยของคนข้างในเกิดขึ้นหลังจากที่ทางรัฐบาลได้กวาดล้างซอมบี้เมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้เมื่องที่ถูกสร้างขึ้นนั้นได้มีแบบแผนอย่างแน่นอนแล้ว รอบๆเมืองถูกกั้นจากข้างนอกด้วยกำแพงขนาดใหญ่ที่แม้แต่ซอมบี้ระดับสูงก็เข้ามาได้ยาก ดังนั้นเมืองแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า 'เมืองแห่งความหวัง'" ฉู่อี้ดื่มน้ำก่อนจะอธิบายออกมา
"แล้วทำไมไม่รับคนนอกกำแพงเข้าไปด้วยล่ะ? หากมันเป็นตามที่นายบอก ขนาดของเมืองจะต้องกว้างขวางอย่างแน่นอนใช่ไหม" ซ่งเจิงถาม
"ทรัพยากร !" ฉู่อี้ยื่นมือออกมาแล้วพูด "อีกอย่างนายอย่าคิดว่าคำว่าข้างในนั้นเป็นเมือง ระยะห่างของพื้นที่ข้างในไปจนถึงเมืองนั้นยังมีพื้นที่ขวางกั้นอยู่ อีกอย่างพื้นที่อื่นๆข้างในนั้นก็ค่อนข้างอันตราย แต่ว่าก็สามารถหาทรัพยากรจากในเมืองเพื่อความอยู่รอดได้ ดังนั้นแม้ว่ามันจะอันตราย แต่คนที่อยู่ในนั้นก็เป็นคนที่มีพลังเยอะกันทุกคน"
"ในนั้นมีมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระดับหนึ่งประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้ ระดับสองประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ และระดับสามห้าเปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั้น เป็นเพียงช่างหรือคนธรรมดาเท่านั้น" แววตาของฉู่อี้ปรากฏแววเศร้าสร้อยออกมาลางๆ "รอถึงพื้นที่ข้างในก่อนเถอะ พวกนายจะได้เข้าใจว่าอะไรคือ—นรกบนดินของจริง !"
"งั้นข้างในนั้นก็มีมาตรการการป้องกันใช่ไหม?" ซ่งเจิงถามออกมาเบาๆ เรื่องความปลอดภัยคือเรื่องที่เขากังวลมากที่สุด
"มี ข้างในนั้นนายสามารถทำป้อมปราการขนาดใหญ่ได้ อีกอย่างยังมีมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระดับสี่ขั้นสูงสุดสลับกันมาคอยป้องกันการโจมตีของเหล่าซอมบี้ระดับสูงอีกด้วย แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆล่ะก็ ข้างนอกนั้นปลอดภัยกว่า นั่นคือเหตุผลที่ฉันออกมาอยู่แบบนี้" พูดจบฉู่อี้ก็ดื่มน้ำจนหมดขวดแล้วทิ้งลงบนพื้น คำพูดของเขาฟังดูแล้วขมขื่นเป็นอย่างมาก
"น่าแปลกที่สัตว์กลายพันธุ์ที่อยู่ด้านนอกนั้นมีน้อยมาก ดูเหมือนว่าข้างในนั้นจะมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดให้เหล่าสัตว์กลายพันธุ์ระดับสูงๆเข้าไปรวมกันอยู่ข้างในนะ หากเป็นอย่างที่นายพูด ข้างนอกนี้ก็ถือว่าปลอดภัยกว่าน่ะซิ" ซ่งเจิงพูดอย่างเข้าใจความหมายของฉู่อี้
"เรื่องนี้ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ต้องรอให้เป็นถึงมนุษย์พันธุ์ใหม่ระดับสูงก่อนถึงจะรู้ความลับนี้"
"อธิบายแบบนี้นายก็เข้าใจแล้ว 'เมืองแห่งความหวัง' นั้นคือสวรรค์ ข้างในนั้นไม่เพียงแต่มีสาธารณูปโภคพื้นฐานในการดำเนินชีวิต แต่ยังมีอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ขั้นสูง รวมถึงเรื่องกฎหมาย มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองพอใจแค่นี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว"
"ข้างในนั้นคือนรกบนดิน ไม่มีกฎหมาย ไม่มีมนุษยธรรม มีแค่เป็นกับตายเท่านั้น นายก็รู้ว่าดินพวกนี้ปนเปื้อนไวรัส ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนข้างนอกหรือข้างใน อาหารการกินก็ค่อนข้างต่ำ"
"ถ้าเปรียบเทียบกับเมืองนั้นก็เหมือนกับหมาที่มีเจ้าของ แบบนั้นคนข้างในก็ถือว่าเป็นสุนัขที่จะโดนทิ้งขว้างเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเป็นคนข้างนอก ต่อให้โดนทิ้งก็ไม่มีผลอะไร"
คำพูดของฉู่อี้ทำให้ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อก่อนเราคิดว่าอยากจะมีชีวิตอยู่ข้างในนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ข้างในนั้นจะเลวร้ายกว่าข้างนอกสะอีก
"ข้างนอกนี้ไม่มีอาหารทรัพยากรอะไร มีเพียงแต่จะต้องพึ่งพาการเก็บรวบรวมของคนที่ติดเชื้อแล้วอยู่รอดไปวันๆเท่านั้น แต่ว่ามันก็จะต้องมีวันที่เราจะได้ประโยชน์จากมันไม่ใช่เหรอ?" พูดจบฉู่อี้ก็มองไปยังซ่งเจิง
"แล้วพวกของที่ส่งมาให้พวกเราล่ะ ? " ซ่งเจิงรีบถามขึ้นมาทันที
"ของที่คนข้างในทำส่งมาน่ะ เป็นพวกอาหารที่มีคุณภาพต่ำสุดมาผสมกันหลายๆครั้ง รู้แบบนี้แล้วนายยังดีใจอยู่ไหมล่ะ?" ฉู่อี้พูดอย่างเยาะเย้ยแล้วมองมาที่ซ่งเจิงอย่างสื่อความหมาย "นายไม่รู้งั้นเหรอว่าอาหารที่พวกนายทำจากน้ำยาวิวัฒนาการขั้นต่ำสุด? แถมน้ำยาวิวัฒนาการขั้นต่ำสุดหนึ่งส่วนสามารถทำอาหารเลี้ยงคนหนึ่งคนได้ถึงหนึ่งปีเลยนะ ถ้านายให้พวกเขาเก็บเกี่ยวความสำเร็จให้ นายก็จะทั้งประหยัดเวลาและประหยัดแรง ถ้าเป็นนายทำแบบนี้ก็จะสบายไปเลยนะ ?"
"พวกเดรัจฉาน !" ซ่งเจิงกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง ทำให้ขวดน้ำที่อยู่ในมือของเขานั้นถูกบีบจนแตก น้ำจากขวดกระเด็นไปโดนตัวเขาและฉู่อี้
"อย่าพึ่งตื่นตระหนกไป เรื่องที่ฉันรู้ก็เป็นเพียงแค่มุมหนึ่งเท่านั้น คนข้างในคิดว่าคนข้างนอกเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง ของคนข้างในคนนอกเมืองไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอกจริงไหม?" ฉู่อี้เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง "มันก็เหมือนกับในมือของใครมีขนมปัง คนนั้นก็เป็นเจ้าของไปอะไรแบบนี้แหละ !"
"แต่ว่าถ้าเป็นนาย นายสามารถทำลายเหตุการณ์แบบนี้ได้ และก็เป็นคนสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้เหมือนกัน !" ฉู่อี้เลียริมฝีปากตัวเอง ดวงตาสีแดงของเขามีแววแห่งความบ้าคลั่ง
ซ่งเจิงรู้ว่าฉู่อี้หมายถึงพลังของเขาที่สามารถทำอาหารได้ โดยใช้พลังจากกระทะนี้ เขาไม่เพียงแต่จะสามารถรวบรวมคนได้มากมายเท่านั้น แต่เขายังสามารถสร้างอาณาจักรของตัวเองได้อีกด้วย!
"ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย และไม่คิดจะทะเยอทะยานสร้างปาฏิหาริย์อะไรด้วย และก็ไม่อยากให้เกิดข้อพิพาทอะไรที่ไม่จำเป็นทั้งนั้น" ซ่งเจิงเดินไปยังข้างหน้ากล่องอาหารและน้ำ เขาเปิดน้ำขึ้นมาอีกขวด แล้วดื่มอีกสองสามอึกแล้วพูดออกมาว่า
"ฉันก็แค่อยากจะเป็นพ่อครัวเท่านั้นเอง" ซ่งเจิงหันมายิ้มให้ทั้งสามคน
"แต่ตอนนี้ควรคิดก่อนว่าจะจัดการกับสุนัขกลายพันธุ์ที่อยู่ข้างนอกยังไงดี พวกเราไม่ได้มีเวลามากนักนะ" พูดจบซ่งเจิงก็เดินไปเปิดกล่องอาหารที่อยู่รอบๆ
ฉู่อี้ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ลึกๆในแววตาของเขามีความเกลียดชังซ่อนอยู่ในนั้น หลังจากที่ลบความรู้สึกนั้นออกไปได้อย่างรวดเร็วแล้ว เขาก็ช่วยซ่งเจิงคิด
"ทั้งหมดมีกล่องอาวุธเพียงสามกล่อง ที่เหลือเป็นอาหารและน้ำ ทุกอย่างอยู่ในสภาพสมบูรณ์" เจ้าลิงผอมหยิบปืนกระบอกหนึ่งขึ้นมาจากกล่องกล่องหนึ่ง ทันใดนั้นแววตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้น
"กล่องนี้ก็มีปืน" พี่ชายกุ้ยหยิบปืนกระบอกใหม่ขึ้นมาจากกล่องใบหนึ่ง แล้วพูดออกมาอย่างตื่นเต้น
"เอามันวางลงเถอะ อาวุธสองอันนี้ใช้กับที่นี่ไม่ได้หรอก นอกซะจากว่าพวกนายอยากจะถูกฆ่าหรือว่าอยากจะเผาตัวเองให้ตายเท่านั้น" ฉู่อี้ส่ายหัว
"เก็บอาวุธพวกนั้นไว้ก่อน ฉู่อี้พูดถูก พื้นที่ตรงนี้มันเล็กเกินไป อาจจะทำให้เราบาดเจ็บเองได้ง่ายๆ" ซ่งเจิงพูดไปยังทั้งสองคน
ทั้งสองคนก็ค่อยๆวางอาวุธที่อยู่ในมืออย่างถะนุถนอม แล้วหยิบปืนกลที่ใช้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาแทน
"ความเร็วของสุนัขกลายพันธุ์ระดับสองนั้นค่อนข้างเร็ว การโจมตีก็แข็งแรง แต่ว่าร่างกายของมันค่อนข้างอ่อนแอ กระสุนธรรมดาก็สามารถทะลุผ่านร่างกายของมันได้ เมื่อดูจากการโจมตีของทั้งสองคนเมื่อครู่นี้ พลังการรักษาตัวของมันก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ดังนั้นพวกเราต้องฆ่ามันก่อนที่มันจะรักษาตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นคนที่ตายจะเป็นพวกเราซะเอง !" ฉู่อี้พูดกับเจ้าลิงผอมและพี่ชายกุ้ย
"ฉันจะจัดการเรื่องการป้องกันเอง แต่ว่าอย่างมากที่สุดก็ได้แค่สามครั้งเท่านั้น" ซ่งเจิงหยิบกระทะเหล็กขึ้นมาถือไว้
"ดี ! ฉันจะรับหน้าที่ล่อมันเข้ามาในห้องควบคุมเครื่องบินเอง ช่องว่างน้อยขนาดนี้ คงพอที่จะให้พวกนายทำให้มันกลายเป็นตระแกรงจับสัตว์ได้" ฉู่อี้พูดแล้วมองไปยังเจ้าลิงผอมกับพี่ชายกุ้ย
"พี่ซ่งรับหน้าที่ป้องกัน ป้องกันไฟ และป้องกันไม่ให้มันตอบโต้" ฉู่อี้หันไปพูดกับซ่งเจิง
"แต่ว่านายไม่กลัวว่ามันจะทำลายกระจกในห้องควบคุมแล้วหนีออกไปรึไง ? " ซ่งเจิงถามออกมาหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน
"มันไม่มีโอกาสนั้นหรอก !" ในมือของฉู่อี้ก็เกิดเปลวไฟขึ้นมาทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
"ดี ! เอาตามวิธีของนายก็แล้วกัน !" ซ่งเจิงพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็ยังเหลือบมองฉู่อี้แวบหนึ่ง {นายอยากจะแย่งน้ำยาวิวัฒนาการไปจากพวกเรางั้นเหรอ งั้นเราก็มาลองดูกัน !}
เจ้าลิงผอมและพี่ชายกุ้ยหลบอยู่ที่ประตูห้องควบคุม รอจนสุนัขกลายพันธุ์เข้ามา พวกเขาก็โจมตีมันทันที หลังจากนั้นเมื่อถึงที่จุดไฟ ซ่งเจิงก็ออกมายืนที่ประตู และสกัดการโจมตีครั้งที่หนึ่งของสุนัขกลายพันธุ์แทนฉู่อี้
ในสถานการณ์นี้ มันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายจึงมีแค่ชนะ กับแพ้เท่านั้นที่เป็นตัวตัดสิน !