กระทะเหล็กกู้โลก - ตอนที่ 28 แสงสว่างในความมืดมิด
ตอนที่ 28 แสงสว่างในความมืดมิด
เพราะแบบนี้ ทั้งสี่คนจึงวิ่งออกจากหมู่บ้านไป "อย่างสนุกสนาน" ส่วนจะมีความสนุกมากน้อยขนาดไหนนั้น ดูเหมือนว่าสุดท้ายก็จะมีความสุขกันมากอยู่นะ? ถ้าอยากจะรู้เรื่องนี้คงจะต้องถามคู่กรณี
ซ่งเจิงหันกลับไปมองทางด้านหลัง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีซอมบี้ตัวไหนตามพวกเขามาแล้ว พวกเขาวิ่งมาถึงถนนที่เต็มไปด้วยโคลนด้วยสภาพที่เหนื่อยอ่อน เจ้าลิงผอมและพี่ชายกุ้ยดูไม่เป็นผู้เป็นคนอีกต่อไป ทั้งสองคนเหมือนคนที่พึ่งขึ้นมาจากแม่น้ำ ร่างของพี่ชายกุ้ยแนบไปกับพื้นดิน ราวกับว่าตัวเองกำลัง "นมัสการ" และ "บูชา" พระแม่ธรณีอยู่ ส่วนเจ้าลิงผอมนั้นล้มตัวลงข้างๆพี่ชายกุ้ย เขาอ้าปากหอบเอาอากาศเข้าไปเพื่อช่วยหายใจจนเสียงดัง
ฉู่อี้ยืนทำหน้าตาย แขนทั้งสองกอดอก แล้วเชิดหน้าขึ้น ซ่งเจิงหันกลับมาเขามองไปยังฉู่อี้ที่มองทั้งสองคนอย่างท้าทาย ทั้งสองคนมองไปยังฉู่อี้แล้วกรอกตาไปมา สีหน้าของฉู่อี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ล้มตัวลงกับพื้นโดยที่ยังไม่ได้มีการต่อสู้เกิดขึ้น แล้วเขาก็ปล่อยให้เหงื่อในร่างกายไหลผ่านผืนดินไป
ทั้งสี่คนอยู่เฉยๆเพื่อให้ลมหายใจกลับมาเป็นปกติ ซ่งเจิงก็เตะไปยังพี่ชายกุ้ยสองสามที "ตอนนี้กี่โมงแล้ว ? " พี่ชายกุ้ยยกหัวของตัวเองขึ้นมา มองไปยังนกจินวูที่กำลังบินกลับบ้าน เขามองไปยังแสงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าแล้วขยับมือไปมา ก่อนจะเอามือมาลูบท้องของตัวเอง แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจว่า "ได้เวลากินข้าวแล้ว !"
"จ๊อก..จ๊อก…จ๊อก…."
เสียงท้องร้องของทุกคนดังขึ้นประสานเสียงกัน เมื่อทั้งสี่คนลูบท้องของตัวเอง ก็เกิดความรู้สึกประหลาดและสนุกสนานขึ้นระหว่างทั้งสี่คน หลังจากที่ความเงียบผ่านไปทั้งสี่คนก็หัวเราะออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ซ่งเจิงหัวเราะจนหายใจไม่ทัน "ฮ่าฮ่า ! เฮ้อ ! ฮ่าฮ่าฮ่า….น้องชายนายหัวเราะอะไรน่ะ ? ฮ่าฮ่า !"
ฉู่อี้ปาดน้ำตาที่ไหลออกมา "…ไม่รู้เหมือนกัน แค่อยากจะหัวเราะเฉยๆ"
ลิงผอมหัวเราะออกมาเสียงดัง "….รู้สึกไหมว่าพวกเราเหมือนพวกคนบ้าเลย"
พี่ชายกุ้ยหัวเราะอย่างหนัก เมื่อได้ฟังคำพูดของเจ้าลิงผอม เขาก็มองไปยัง "แพนเค้ก" และแสงสีแดงที่เกิดจากพระอาทิตย์ทางด้านฝั่งตะวันตก แล้วพูดออกมาอย่างดีใจว่า "ได้เวลากินข้าวแล้ว ดีใจจังเว้ย!"
ฉู่อี้ปาดน้ำตาที่ไหลออกมา "ใช่ ! กินข้าวกัน ! ฉันดีใจจริงๆ !"
ซ่งเจิงถีบเข้าไปที่ก้นของพี่ชายกุ้ย แล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง "พวกเห็นแก่กิน !"
พี่ชายกุ้ยมองไปยัง "แพนเค้ก"ที่อยู่ทางด้านฝั่งตะวันตก ท้องของเขาก็เกิดร้องขึ้นมาเสียงดัง เขาไม่สนใจคำพูดของซ่งเจิง เจ้าลิงผอมนั้นลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบๆ ใช้มือปัดฝุ่นที่ก้นของตัวเอง แล้วชี้ไปยังทางทิศใต้ "พวกเราไปทางนั้นกัน"
ซ่งเจิงลุกขึ้น ปัดฝุ่นออกจากมือแล้วดึงพี่ชายกุ้ยให้ลุกขึ้นแล้วพูดว่า "อืม ไปทางนั้นกันเถอะ"
พี่ชายกุ้ยมองไปยังแพนเค้กที่เหลืออยู่ครึ่งนึง แล้วกลืนน้ำลายลงคอ ฉู่อี้มองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆลับขอบฟ้าไปอย่างช้าๆ พลางกระพริบตาขึ้นลง "สวยจริงๆ ไม่รู้ว่าต่อไปจะยังมีโอกาสเห็นมันอีกหรือเปล่า" เมื่อพวกเขาเห็นแสงสีแดงจากดวงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วท้องฟ้า
ซ่งเจิงก็ยื่นมือออกไป "มีสิ ต้องมีโอกาสอย่างแน่นอน" ฉู่อี้มองไปยังมืออันสกปรกของซ่งเจิงที่ยื่นมา แล้วยิ้มยิงฟันอันขาวสะอาดออกมา แววตาของซ่งเจิงเปล่งก็ประกาย ฉู่อี้ลุกขึ้นจับมือของซ่งเจิงแล้วเขาลุกขึ้นยืน และมองไปยังซ่งเจิงด้วยสายตาเปล่งประกายราวกับเขาเจอทอง
ทั้งสี่คนเดินไปไม่ไกล จนมาถึงสถานที่นัดพบ เจ้าลิงผอมเป็นนายพล ซ่งเจิงและพี่ชายกุ้ยเป็นนายทหารธรรมดา พวกเขาเริ่มทำแคมป์กันแบบง่ายๆ ฉู่อี้มองไปยังทั้งสามคนแล้วก็เกิดอาการอยากทำบ้าง เขาจึงเดินเข้าไปร่วมวงด้วย เจ้าลิงผอมชำเลืองมองไปยังฉู่อี้แล้วพยักหน้าให้
ยังไม่ทันที่ลิงผอมจะได้ถอนหายใจ ซ่งเจิงและฉู่อี้ก็เริ่มส่งเสียงดังออกมาทันที จนเจ้าลิงผอมหมุนตัวไปมอง เมื่อเขาหันไปเห็นก็เกิดอารามณ์โมโหขึ้นมาทันที ซ่งเจิงนั้นหยอกล้อกับฉู่อี้ แต่ฉู้อี้ก็ตอกกลับไปด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนต่างไม่ยอมกัน ทั้งสองมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่เหมือนกันอย่างมาก—นั่นคือการเป็นคนประหลาด
เต้นท์ดีๆ หลังหนึ่ง ถูกทั้งสองคนทำให้กลายเป็นลูกฟุตบอล จนเจ้าลิงผอมตะโกนด่าออกมาด้วยเสียงอันดังว่า "หยุดเดี๋ยวนี้ ! พวกแกสองคนออกไปเก็บผักเก็บหญ้ากันซะ !"
ซ่งเจิงกับฉู่อี้ย่นคอลง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก "นายหัวเราะราวกับคนโง่เลย เหมือนกับว่าหัวเราะให้กับตัวเองที่ไม่รู้ว่ากำลังหัวเราะให้กับอะไรอยู่"
ซ่งเจิงมองไปยังฉู่อี้อย่างตกใจ ส่วนฉู่อี้นั้นก็ถลึงตามองไปยังซ่งเจิง ทั้งสองคนน้ำตารื้นขึ้นมาแล้วเข้าไปกอดกันแล้วพูดว่า "นายเป็นเพื่อนที่ช่างรู้ใจฉันจริงๆ "
เจ้าลิงผอมหัวเราะออกมาอย่างเอือมระอา "…เหอเหอ"
เด็กที่น่าเอือมระอาทั้งสองคนวิ่งไปยังบริเวณใกล้ๆเพื่อที่จะไปหาผักผลไม้
ซ่งเจิงมองไปยังป่าตรงหน้า แล้วเกาหัวไปมา "นายรู้ไหมว่าอะไรกินได้ ?"
ฉู่อี้พยักหน้า แล้วยกมือขึ้นจับคางของตัวเองอย่างก่อนจะใช้ความคิดแล้วตอบไปว่า "….ไม่รู้สิ"
ซ่งเจิงเงยหน้ามองท้องฟ้า เขาไขว้มือไว้ทางด้านหลังแล้วพึมพำออกมาว่า "เฮ้อ…เดิมทีฉันก็รู้อยู่หรอกนะ แต่ว่าโลกมันได้เปลี่ยนไปแล้ว…จนตอนนี้ฉันก็ไม่รู้แล้วว่าอะไรกินได้"
ฉู่อี้ยกมือขึ้นกอดอกแล้วพูดว่า "…ถึงฉันจะสูญเสียดวงตาไป แต่อย่างน้อยฉันก็ได้เห็นโลกใบนี้ทั้งใบอีกครั้ง"
เมื่อได้ยินแบบนั้นแววตาของซ่งเจิงก็เปล่งประกายแล้วพูดชมว่า "นายพูดได้ดีนี่ ! พูดได้ดีจริง ๆ!"
ฉู่อี้โบกมือไปมาอย่างเขินอายแล้วพูดว่า "ไม่หรอก ไม่หรอก…."
….
เจ้าลิงผอมกัดฟันแน่น "นี่คือสาเหตุที่พวกนายกลับมามือเปล่าอย่างนั้นเหรอ ? "
ซ่งเจิงส่ายหัวไปมา "นายไม่เห็นน้ำตาของฉันเหรอ นั่นก็เพราะว่ามันถูกสายลมพัดผ่านเอาไปแล้วยังไงล่ะ"
ฉู่อี้ก็ช่วยพูดเสริม "เยี่ยม ! เรื่องราวนี้มีอยู่บนสวรรค์เท่านั้น ยากนักที่คนบนโลกจะเข้าใจ"
เจ้าลิงผอมรู้สึกหวานจนเลี่ยน อีกนิดเดียวเขาก็แทบจะอ้วกออกมากับคำพูดไร้สาระของทั้งสองคนแล้ว เมื่อทั้งสองคนออกไปฝึกวิชากันไม่เท่าไหร่ กลับมาก็กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้แล้ว ! ช่างเป็นวิธีการที่เพิ่มความแปลกประหลาดเข้าไปได้ดีจริงๆ !
ซ่งเจิงกับฉู่อี้มองไปยังเจ้าลิงผอมที่ทำท่าจะอ้วกออกมา แล้วรีบหยิบของที่พวกเขาเก็บมาได้ออกมาทันที พลางพูดออกมาอย่างโอ้อวดว่า "นายดูสิ ! นายดู ! ฉันเก็บเห็ดได้เยอะกว่าเขาซะอีก !" เจ้าลิงผอมมองไปยังเห็ดเหล่านั้น แล้วดึงมีดกริชออกมาแตะเห็ดพวกนั้น ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรกลับมาล่ะนะ
ซ่งเจิงทำหน้าย่นแล้วทำกับข้าวจากวัตถุดิบที่พี่ชายกุ้ยเก็บมาได้อย่างไม่มีความสุข เขาผัดข้าวไปก็บ่นพึมพำไป "เรื่องนี้น่ะ…มันไม่ตลกเลยนะ"
ฉู่อี้พยายามจะแก้เชือกที่อยู่ในมือ "ฮึบ…ฮึบ…ฮึบ…." เขาพยายามที่จะคายเห็ดออกมา ส่วนเจ้าลิงผอมนั้นยิ้มออกมาพลางหยิบมีดกริชขึ้นมาไว้ด้านข้างตามที่วางแผนเอาไว้
เมื่อซ่งเจิงเห็นท่าทีของฉู่อี้ที่กำลังถูกวางยาพิษอย่างน่าอนาถ เขาก็ตกใจจนต้องรีบผัดข้าวต่อทันที
….
เมื่อทานจนท้องอิ่ม ซ่งเจิงก็นอนลงข้างๆฉู่อี้อย่างสบายใจ เขามองไปยังดวงดาวบนท้องฟ้า ส่วนฉู่อี้ที่กำลังแคะฟันอยู่นั้นก็พูดออกมาว่า "พี่ซ่ง ! พี่ผัดข้าวได้อร่อยมากเลยนะ !"
ซ่งเจิงลูบหน้าท้องของตัวเองพลางตอบว่า "งั้นหรือ ยังดีที่ฉัน…." จู่ๆเขาก็หยุดพูด แล้วจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว "….มันช่างสวยจริงๆ "
ฉู่อี้ไม่ได้สนใจคำตอบก่อนหน้านี้ของซ่งเจิง เขาใช้มือหนุนหัวตัวเองแล้วมองดาวบนท้องฟ้าเช่นกัน "ใช่ มันสวยมากจริงๆ"
ฉู่อี้มองดวงดาวที่ลอยเต็มท้องฟ้าแล้วพูดขึ้นมาว่า "ได้ยินมาว่าหากขอพรอย่างตั้งใจกับดวงดาวเหล่านี้ พวกเขาจะได้ยินคำขอจากพวกเรานะ…"
เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเจิงก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า "…งั้นพวกเรามาลองขอพรกันเถอะ"
ฉู่อี้ลุกขึ้น มองไปยังซ่งเจิง แล้วก็มองไปยังดวงดาวที่ลอยเต็มท้องฟ้า แล้วพูดออกมา "ได้สิ !"
เมื่อพูดจบฉู่อี้ก็หลับตาลง แล้วกุมมือทั้งสองข้างยกขึ้นมาไว้ที่หน้าอก
ซ่งเจิงหลับตาลง ในใจก็คิดอย่างเงียบๆว่า : เขาอยากจะแต่งงานกับหลี่หวานหรู อยากจะเป็นหัวหน้าในค่ายแห่งนี้ และอยากจะ…ขอให้พวกเราจัดการสุนัขกลายพันธุ์ได้อย่างราบรื่น ขอให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข นับจากวันนี้ไปอย่าได้พบเจอแต่ความกลัว และขอให้ได้กินอาหารกันจนอิ่ม
เมื่อซ่งเจิงลืมตาขึ้น เขาก็เห็นว่าฉู่อี้กำลังมองมาทางเขาพอดี ซ่งเจิงก็ลูบหน้าของตัวเอง แล้วถามออกไปอย่างสงสัยว่า "ทำไมเหรอ ? หน้าฉันมีอะไรติดอยู่รึไง ?"
ฉู่อี้ตั้งสติของตัวเอง แล้วเปลวไฟในดวงตาของเขาก็สั่นไหวไปมาอย่างเงียบๆ "…พี่ซ่ง ดาวพวกนี้สวยเหลือเกินแถมพระจันทร์ก็สวยอีกด้วย…"
ซ่งเจิงหลุดยิ้มออกมาและพูดว่า "เด็กโง่ มันสวยไปหมดนั้นแหละ สวยไปหมดจริงๆ….."
ฉู่อี้ลูบหัวของตัวเอง พลางยิ้มแฉ่งออกมาอย่างสดใส