กระทะเหล็กกู้โลก - ตอนที่ 27 เทพแห่งไฟในโลกอนาคต
ตอนที่ 27 เทพแห่งไฟในโลกอนาคต
ในตอนที่ทั้งสามคนตกใจกับเหตุการณ์ที่ไม่สงบอยู่นั้น ก็เป็นตอนที่มีตัวอะไรเข้ามาและส่งเสียงภายในห้อง "ปัง !" เสียงดังปึงปังนั้นดึงดูดความสนใจของทั้งสามคน ซ่งเจิงจึงชะเง้อหัวออกไปมอง
เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันรุนแรงลอยอยู่ทั่วบริเวณ ซ่งเจิงรู้สึกหนักหัวเหมือนถูกบางสิ่งกดทับอยู่ นี่มันอะไรกัน ! ปวด ปวดหัวเหลือเกิน !
ในขณะที่ซ่งเจิงกำลังเกิดอาการปวดหัวอยู่นั้น ก็เกิดเงาหนึ่งพุ่งออกมาจากข้างใน "เงา" นั้นมีไฟลุกขึ้นทั่วตัว เห็นอย่างนั้นเจ้าลิงผอมก็ยกดาบยาวขึ้นมาไว้ข้างหน้าเพื่อเป็นการป้องกันตัว ส่วนพี่ชายกุ้ยมองไปยังซ่งเจิงที่มีอาการไม่ค่อยดี เขาจึงรีบลากซ่งเจิงให้มาหลบอยู่ข้างหลังทันที แล้วหยิบมีดสปาต้าขึ้นมาอยู่ข้างๆเจ้าลิงผอมเพื่อปกป้องซ่งเจิง
"เงานั้น" มองไปรอบๆ เมื่อมันเห็นคนทั้งสามที่อยู่ในระยะไม่เกินสิบเมตร ไฟที่อยู่บนตัวมันก็ลุก 'พรึ่บ' ขึ้นมา พี่ชายกุ้ยและเจ้าลิงผอมก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที พวกเขาถืออาวุธของตัวเองไว้อย่างเงียบๆ
เมื่อเวลาผ่านไป 'เจ้าเงา' นั้นก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไร พี่ชายกุ้ยมองไปยังท่าทางของเงาไฟนั้น นอกจากมันก็ไม่มีสัตว์อะไรมาเพิ่ม พี่ชายกุ้ยยกมีดสปาต้าขึ้นไปฟันในทันที โดยไม่ได้วิเคราะห์อะไรมากมาย!
"เงานั้น" ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มันหลบการโจมตีของพี่ชายกุ้ยอย่างชาญฉลาด พี่ชายกุ้ยตกใจไปครู่หนึ่ง คู่ต่อสู้ของเขานั้นรู้จักการหลบหลีก และปฏิกิริยาการตอบรับของ 'เงา' นั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก พี่ชายกุ้ยกัดฟันแน่น เขากำอาวุธแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา แล้วพุ่งตรงไปอีกครั้ง ส่วนเจ้าลิงผอมที่มองไปยังพี่ชายกุ้ย เขาก็หยิบมีดกริชขึ้นมาสามด้าม ก่อนจะปามันไปในอากาศ
พลังของทั้งสองคนสอดประสานกัน ทำให้คู่ต่อสู้ถอยหลังไปสองสามก้าว เงานั้นไม่ได้หลบการโจมตีมากมายนัก มันเพียงแค่ยกมือรับมีดสปาต้าของพี่กุ้ยเท่านั้น ส่วนมีดกริชทั้งสามด้ามของเจ้าลิงผอมนั้นทะลุผ่านเงานั้นไปอย่างไร้ร่องรอย
'เงา'นั้นหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง "เจ้าพวกโง่ ! ฉันเป็นคน !" เมื่อมันพูดออกมา เปลวไฟที่อยู่บนร่างของ 'เงา' นั้นก็ค่อยๆหายไป เจ้าลิงผอมและพี่ชายกุ้ยมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง
ไฟที่หายไปปรากฏให้เห็นว่าหัวของมันเป็นสีแดง รวมถึงดวงตาของมันก็เป็นสีแดง ผิวของมันขาวซีด เสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นเป็นสีดำและแดง มือทั้งสองข้างสวมถุงมือ สวมกางเกงยีนส์สีดำและรองเท้าผ้าใบสีแดง
ดูท่าทางแล้วอายุน่าจะยังไม่เยอะมาก เป็นชายวัยรุ่นอายุราวๆยี่สิบปี ใบหน้าโดดเด่นแบบนี้หาได้ยากในปัจจุบัน แต่ที่น่าแปลกคือดวงตาของเขานั้นเป็นสีแดงทั้งสองข้าง ซึ่งดูเหมือนกับว่ามีเปลวไฟลุกในดวงตาตลอดเวลา ดวงไฟในตาของเขานั้นสั่นไหวราวกับพร้อมที่จะเผาผลาญเรื่องราวที่ไม่ยุติธรรม และความชั่วร้ายของโลกใบนี้
พี่ชายกุ้ยมองไปยังดวงตาคู่นั้น แล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง "ที่แท้ก็เป็นตุ๊กตาตัวน้อยนี่เอง ทำเอาฉันตกใจหมด นึกว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่ไหนซะอีก"
เมื่อได้ยินสีหน้าของผู้มาใหม่นั้นก็มีอาการไม่พอใจ เขายกมือขึ้นกอดอก ทำเสียงขึ้นจมูก "ฉันชื่อฉู่อี้ ไม่ได้ชื่อตุ๊กตาน้อย ! "
เจ้าลิงผอมตีพี่ชายกุ้ยหนึ่งที เพื่อบอกให้พี่ชายกุ้ยปล่อยมือ ในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยมือ เจ้าลิงผอมคลายกำปั้น ในมือนั้นมีมีดกริชซ่อนอยู่ "ไม่ทราบว่าคุณมาทำอะไรที่นี่ ?"
ฉู่อี้ย่นจมูก เขามองกลับไปยังเจ้าลิงผอมอย่างเหยียดหยาม หลังจากที่เขาถูกปล่อยได้ไม่นาน ก็โวยวายขึ้นมา
"แย่แล้ว ! แย่แล้ว ! รีบหนีเร็ว !"
พูดจบเขาก็รีบวิ่งไปทันที ตอนที่เขาวิ่งผ่านซ่งเจิงไปนั้น ซ่งเจิงเอามือที่กุมหัวอยู่ออกพอดี เขาเห็นฉู่อี้กำลังวิ่งผ่านตัวเองไป ซ่งเจิงก็ยกมือขึ้นหยุดฉู่อี้เอาไว้ เพื่อถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่ว่าฉู่อี้นั้นเป็นคนตัวเล็ก ทำให้ผ่านการสกัดกั้นของซ่งเจิงได้อย่างง่ายดาย ทั้งสามคนมองตามฉู่อี้ที่วิ่งออกไปไกล ทำให้พวกเขาเกิดอาการสับสน ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้กินยาผิดหรือเปล่าถึงได้มีอาการตื่นตระหนกขนาดนี้
ทั้งสามคนมองไปยังฉู่อี้ที่หายไปราวกับฝุ่นด้วยความสงสัย ไม่นานเสียงคำรามต่ำก็เริ่มดังออกมาจากบริเวณรอบๆ เมื่อซ่งเจิงและคนอื่นๆหันไปมอง ก็เกิดอาการตกใจจนวิญญาณแทบจะออกจากร่างทันที ครั้งที่แล้วที่โดนเหล่าซอมบี้ไล่ยังมีอาการหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก แต่ครั้งนี้….เพียงแค่หันกลับไป–ก็เจอคลื่นซอมบี้ที่กำลังหลั่งไหลมาทางพวกเขาอยู่เต็มไปหมด
เมื่อเห็นกลุ่มดวงตาสีแดงที่มองมา 'ทักทาย' ทั้งสามคน สถานการณ์แบบนี้ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือก จนต้องวิ่งกันหน้าตื่น ! เวลาผ่านไปไม่นาน ทั้งสามคนก็ขยับการวิ่งของตัวเองให้เร็วที่สุด หากว่าพวกเขาเปลี่ยนตัวเองเป็นรถยนต์ล่ะก็ จะต้องมีการเรียกประกันอย่างแน่นอน !
ทั้งสามคนวิ่งตามฉู่อี้ไปอย่างสุดแรงเกิด ไม่นานพวกเขาก็วิ่งตามมาจนทัน ซ่งเจิงอ้าปากตะโกนออกมาว่า
"คนที่อยู่ข้างหน้านั้น ! รอพวกเราก่อน !" ในขณะที่พูดลมก็เข้าปากเขาไปเต็มๆ ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก
ฉู่อี้หันมามอง แล้วยิ้มออกมา ! เขามองไปยังทั้งสามคนที่วิ่งตามมา แล้วตะโกนกลับไปว่า "ใครจะโง่รอเล่า ! แน่จริงก็ตามมาให้ทันสิ !"
ซ่งเจิงมองฉู่อี้ที่หันหน้ามา แล้วยิ้ม พี่ชายกุ้ยและเจ้าลิงผอมก็มองตามพร้อมกับยิ้มให้เหมือนกัน ทั้งสามคนหัวเราะจนแทบจะหายใจไม่ออก ฉู่อี้มองไปยังทั้งสามคนด้วยความแปลกใจ ก่อนจะก่นด่าออกมา "เจ้าพวกบ้า !"
ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าที่หมู่บ้านแห่งนี้นั้นมีทางคดเคี้ยวค่อนข้างเยอะ ทำให้คนที่สัญจรไปมาเวียนหัวเอาได้ ตอนนี้…ฉู่อี้ที่พึ่งหันหัวมานั้น "ปัง!" ฉู่อี้ก็เกิดมีอาการไม่ค่อยดี คำถามคือ คนเราต้องใช้พลังมากแค่ไหนถึงจะทะลุกำแพงได้โดยใช้ใบหน้าของตัวเอง?
พวกของซ่งเจิงวิ่งผ่านมายังบ้านหลังนี้ พอเห็นว่าร่างกายของฉู่อี้นั้นพุ่งออกมาจากบ้าน ซ่งเจิงก็หัวเราะออกมาไม่หยุด พร้อมกับตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังว่า "นาย ! ใบหน้าหนาจริงๆนะ ! ทำไมไม่เอาหน้าทะลุกำแพงไปเลยละ !" พูดจบ เจ้าลิงผอมกับพี่ชายกุ้ยก็หัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน เสียงหัวเราะเหล่านั้นทำลายความมั่นใจของชายหนุ่มคนนี้ไปจนหมด
ฉู่อี้หน้าแดงด้วยความโกรธ ท้ายที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องต่อสู้กับพวกไร้ยางอายอย่างคนพวกนี้อยู่ดี เขานึกประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ก็พูดว่า "ต้นไม้ไม่มีเปลือกไม้มันอยู่ไม่ได้ แต่กับคนหากไม่ถือเรื่องหน้าตาก็ทำอะไรได้หลายอย่าง ! ฉู่อี้ตะโกนด่าออกมาพร้อมทำสีหน้าที่โมโหสุดขีด "เจ้าพวกหน้าไม่อาย !"
เสียงดังของฉู่อี้ดังไปถึงเหล่าซอมบี้ที่อยู่ด้านหลัง เมื่อได้ยินเสียงนั้นพวกมันก็อ้าปากกว้างแล้วคำราม น้ำลายอันน่าขยะแขยงของพวกมันพุ่งออกมาเต็มไปหมด มีตัวหนึ่งร้องคำรามเพื่อเรียกรวมตัว เมื่อซ่งเจิงหันไปมองข้างหลังเพียงชั่วครู่ ใบหน้าก็ซีดลงเพราะความตกใจ ก่อนจะตะโกนออกมาเพื่อให้กำลังใจตัวเอง
"ชายแท้เขาไม่หันหลังไปมองซอมบี้กันหรอกนะ !"
ฉู่อี้ที่วิ่งอยู่ข้างหน้าสุดเมื่อได้ยินเสียงของซ่งเจิง เขาก็ลดฝีเท้าของตัวเองลงมาอยู่ข้างๆซ่งเจิง ก่อนจะหัวเราะออกมาคิกคัก "ชายแท้งั้นเหรอ ! แต่นายยังหันกลับไปได้นะ ! กลับตัวกลับใจยังทันนะ ! "
ซ่งเจิงไม่สนใจคำเยาะเย้ยของฉู่อี้ เขากัดฟันแล้วใช้พลังทั้งหมดที่มีในการวิ่งหนี เมื่อฉู่อี้เห็นว่าซ่งเจิงไม่สนใจตัวเอง เขาก็เม้มปาก แล้วสุดท้ายเขาก็รั้งอยู่ท้ายแถว
ซ่งเจิงเห็นว่าฉู่อี้อยู่รั้งท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาว่า "เจ้า…เจ้าหนู ! วิ่ง…ไม่ไหวแล้วรึไง !" เสียงที่ขาดๆหายๆของซ่งเจิงนั้น เหมือนเสียงตะโกนของคนแก่
ซ่งเจิงมองไปยังฉู่อี้ที่รั้งท้าย แม้ว่าเขาจะปากเสีย แต่เขาก็ยื่นมือออกไปหาฉู่อี้ด้วยความเต็มใจ
ฉู่อี้มองมือของซ่งเจิงที่ยื่นออกมาแล้วอึ้งไปครู่หนึ่ง ซ่งเจิงก็มองมายังเขา เร็วเข้า "เจ้าโง่! จับมือฉันไว้ !"
ดวงตาของฉู่อี้นั้นสั่นไหว เขายิ้มยิงฟันออกมา แล้วยื่นมือขวาออกไป—"พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!" จู่ๆเปลวไฟขนาดใหญ่ก็ปะทุออกมา ! ฉู่อี้โยนลูกไฟไปทางด้านหลัง "พรึ่บ " ลูกไฟก็ค่อยๆขยายตัวใหญ่ขึ้น เมื่อขนาดของมันใหญ่เท่ากับคนแล้ว ไฟนั้นก็ลุกท่วมไปยังเหล่าซอมบี้ที่ตามมาทันที
ฉู่อี้ยิ้มยิงฟันแล้วส่งสายตาเปล่งประกายให้ซ่งเจิงอีกครั้ง แต่ว่า…ครั้งนี้ดูเหมือนจะแตกต่างจากครั้งที่แล้วเล็กน้อย ซ่งเจิงเมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นี่มัน….รอยยิ้มอันชั่วร้ายชัดๆ
"ปัง!" ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยอยู่เสมอ จะมีก็เพียงแต่คนฉลาดเท่านั้นที่จะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเดิมๆ แน่นอนว่าประโยคนี้นั้นเป็นประโยคของเหล่าคนที่ฉลาดเท่านั้น แน่นอนว่าไม่รวมถึงซ่งเจิงที่เอาหน้าไปทะลุกับกำแพงอยู่ตอนนี้
น้ำตาของซ่งเจิงไหลอาบไปทั่วกำแพง ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง…รอยยิ้มของฉู่อี้นั้นถือเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยที่เตรียมมาอย่างดีนี่เอง……
เมื่อลมพัดผ่านก็มีคำพูดที่ซ่งเจิงไม่อยากได้ยินที่สุดลอยมาหาเขา— มันเป็นเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความหวังและพลังงานอันเต็มเปี่ยม "สรรเสริญพระเจ้า !สรรเสริญพระเจ้า !"
หากหลายปีต่อมา มีคนมาถามเขาว่า "ลุงซ่ง อะไรคือคำพูดที่ดีที่สุดที่เทพแห่งไฟพูดกับลุงงั้นหรือ ?"
ซ่งเจิงก็จะตอบอย่างเรียบๆว่า "เขาสรรเสริญฉันยังไงล่ะ "