กระทะเหล็กกู้โลก - ตอนที่ 25 ซ่งเจิงไม่มีหัว
ตอนที่ 25 ซ่งเจิงไม่มีหัว
ซ่งเจิงกำกระทะเหล็กไว้แน่น แล้วคุยกับกระทะเหล็กในความคิด
"ได้อะไรจากการพัฒนามาบ้างไหม ?"
{ได้พื้นที่เก็บของ 1 ลูกบาศก์ ดูดซับน้ำยาวิวัฒนาการมาสองระดับ ของอื่นๆสามารถศึกษาได้ด้วยตัวเอง}
ซ่งเจิงนิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาก็ปรากฏแววดีใจขึ้นก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ที่เก็บของงั้นเหรอ ? ให้ตายสิ ! ฉันได้มันมาแล้ว และเขาก็ถามออกไปอีกครั้ง "ที่เก็บของนั้นอยู่ที่ไหน ?"
{พื้นที่เก็บของนั้นสามารถนำมือเข้าไปในกระทะได้เลย}
ซ่งเจิงดีใจอย่างมาก เขารีบเลื่อนมือลงไปที่กระทะทันที ราวกับว่าแขนของเขานั้นเป็นภาพลวงตา เมื่อแขนของเขาทะลุเข้าไปในกระทะ ซ่งเจิงก็ดึงมือกลับออกมา รอบๆแขนของเขาที่ได้เอาเข้าไปข้างในนั้นเมื่อดึงออกมากลับมีบางอย่างลักษณะเหมือนฟิล์มใสติดอยู่รอบๆแขนของเขาด้วย
ซ่งเจิงมองไปยังฟิล์มใสที่ติดอยู่รอบแขนของเขา แล้วเขาก็อดที่จะสงสัยเรื่องของพื้นที่เก็บของในกระทะใบนี้ไม่ได้
เมื่อซ่งเจิงเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมาในหัว เขาจึงลองใช้หนวดพลังจิตล้วงเข้าไปในพื้นที่เก็บของนั้น ไม่นาน ก็เกิดภาพบางอย่างขึ้นมาในหัวของซ่งเจิง มันเป็นพื้นที่โล่งขนาดไม่ใหญ่มาก ข้างในมีม้วนฟิล์มใสเหมือนกับที่ติดอยู่ที่แขนของเขา รอบๆพื้นที่นี่เป็นสีดำสนิท ทำให้ซ่งเจิงนั้นมองเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจน แม้แต่ขนที่แขนของตัวเองก็สามารถมองเห็นได้
เมื่อซ่งเจิงดึงหนวดพลังจิตกลับมา ภาพในหัวนั้นก็หายไป ซ่งเจิงลองใช้หนวดพลังจิตเข้าไปในนั้นใหม่อีกครั้ง ภาพในหัวก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มองดูท่าทางของซ่งเจิงแล้วเหมือนเด็กที่เจอของเล่นใหม่แล้วกำลังเล่นมันอย่างสนุกสนาน
ตอนนั้นเองพี่ชายกุ้ยที่นอนหลับอยู่ก็ตื่นขึ้นมา เขามองไปเห็นแขนของซ่งเจิงที่หายไปจนร้องว่า "เฮ้ย !" เสียงตะโกนอันดังลั่นของเขาทำให้คนที่ได้ยินต่างตกใจและหวาดกลัวในคราวเดียวกัน
เจ้าลิงผอมที่กำลังก้มหน้าก้มตาผ่าแมวกลายพันธุ์อยู่ ก็ถูกทำให้ตกใจด้วยเสียงของพี่ชายกุ้ย มีดที่อยู่ในมือเกือบทำให้ผิวหนังของแมวกลายพันธุ์เสียหาย เจ้าลิงผอมวางมือซ้ายของตัวเองไว้ที่เอว เขาเปิดประสาทสัมผัสการฟังทั้งหมด เตรียมตัวสำหรับอันตรายที่อาจจะเข้ามา
พี่ชายกุ้ยทำตาโตมองไปยังซ่งเจิงที่แขนหายเข้าไปในกระทะ เขาชี้ไปที่ซ่งเจิงแล้วพูดออกมาตะกุกตะกัก "มือ ! มือ ! มือ…."
เจ้าลิงผอมเหลือบมองไปยังซ่งเจิง แล้วก็เกิดอาการตกใจขึ้นมาทันที เขาเห็นว่ามือข้างขวาของซ่งเจิงนั้นกำลังถือกระทะอยู่อย่างมีความสุข แต่มือซ้ายของเขานั้นกลับหายเข้าไปในกระทะแทน !
ทั้งสองคนเห็นโลกนี้วุ่นวายมานานแล้ว แต่ไม่เคยเห็นเรื่องแปลกแบบนี้มาก่อน นี่เป็นพลังของมนุษย์สายพันธุ์ใหม่หรือว่าพวกเรากำลังเห็นภาพหลอนกันแน่ เจ้าลิงผอมกำลังครุ่นคิดบางอย่าง เขาค่อยๆหยิบมีดกริชออกมา แล้วมองไปยังซ่งเจิงที่กำลังทำท่าทีมีความสุขสนุกสนานอยู่ แต่ก็ทำจิตใจให้ดูสงบในคราวเดียวกัน
เมื่อเสียงตะโกนของพี่ชายกุ้ยทำให้ซ่งเจิงดึงสติกลับมา เขาก็มองไปยังคนทั้งสองคนอย่างมึนงง ถ้าจะบอกให้ถูกคือเป็นแววตาไม่รู้เรื่องแบบที่พี่ชายกุ้ยชอบทำ
ซ่งเจิงลืมตาขึ้น เขาคิดอะไรบางอย่างได้ในใจ ดูเหมือนว่าฟิล์มนี้จะช่วยในการป้องกัน ถ้าเป็นแบบนั้น….ซ่งเจิงก็อยากจะลองทำอะไรบางอย่าง เขาจึงยกกระทะขึ้นมาอยู่เหนือหัวของตัวเองและมันก็เป็นไปตามที่คาดหวัง หัวของเขานั้นเข้าไปอยู่ในพื้นที่เก็บของและหายใจได้อย่างสะดวกสบาย
ไม่เพียงแต่เขาจะเล่นมันอย่างสนุกสนานเท่านั้น แต่มันกลับทำให้คนทั้งสองที่เห็นอยู่ต่างหวาดกลัวทั้งคู่ พวกเขาเคยเห็นคนที่ฆ่าซอมบี้ไปหัวเราะไปมาเยอะ และเห็นช่วงเวลาของคนเป็นและคนตายมาก็เยอะ แต่ยังไม่เคยเห็นคนที่ทำให้แขนและหัวของตัวเองหายไปแบบนี้ได้มาก่อนเลย
พี่ชายกุ้ยเกิดอาการหวาดกลัวจนต้องเข้าไปหลบอยู่ที่หลังของเจ้าลิงผอม เขาค่อยๆหยิบมีดสปาต้าของตัวเองออกมาแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ส่วนเจ้าลิงผอมนั้นถือมีดกริชไว้ในมือแล้ว พวกเขาเชื่อว่าคนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ก็คงทำแบบพวกเขา
หลังจากที่เล่นจนพอใจแล้ว ซ่งเจิงก็ดึงกระทะออกมา เมื่อหัวและมือของเขากลับมายังตำแหน่งเดิม ซ่งเจิงก็มีท่าทางมีความสุขราวกับคนบ้า เมื่อเขาเห็นคนที่ไม่กลัวอะไรบนโลกนี้อย่างพี่ชายกุ้ยหลบเป็นแมวน้อยอยู่ข้างหลังของเจ้าลิงผอมแล้วนั้น หากเขาไม่เห็นกับตาตัวเองก็คงไม่เชื่อว่าจะเกิดภาพเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ใครจะไปคิดว่าชายร่างกายกำยำ ที่สามารถชูกำปั้นใส่คนอื่นได้ และสามารถขี่ม้าด้วยมือข้างเดียวได้นั้นจะพยายามหดตัวเองให้เล็กลงแล้วซ่อนอยู่หลังคนที่มีขนาดตัวไม่ถึงครึ่งหนึ่งของตัวเองด้วยท่าทางตลกเช่นนี้กันล่ะ ?
ในที่สุดก็เป็นเพราะเจ้าลิงผอมนั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ค่อนข้างเร็ว เจ้าลิงผอมก็ได้เก็บมีดกริชลงอย่างเก้ๆกังๆ "น้องซ่งได้รับพลังใหม่เหรอ ?" เขาเอ่ยออกมาถามด้วยความสุภาพ แต่จากมุมมองของซ่งเจิงนั้นเขาก็รู้สึกว่าเป็นการถามเพื่อความแน่ใจหรือต้องการสร้างความบาดหมางกันแน่ ซ่งเจิงจึงนิ่งไปครู่หนึ่งเขาถึงได้รู้ว่าตัวเองคงจะเล่นมากเกินไปหน่อย
ซ่งเจิงก้มหัวแล้วโค้งตัวลง แสดงความขอโทษที่ท่าทางตลกของเขานั้นทำให้ทั้งสองคนตกใจ แม้ว่าหัวหน้าจะเอ็นดูเขาเป็นพิเศษ แต่ว่าซ่งเจิงก็ต้องให้ความเคารพแก่ผู้ใหญ่ทั้งสองคน เมื่อซ่งเจิงมองไปยังทั้งสองคนที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ เขาก็เกิดอาการเสียใจอยู่ลึกๆ {เมื่อวานเราเป็นคนคอยจัดการเรื่องซอมบี้ให้ไม่ใช่เหรอ ดีที่เรายังไม่ได้ทุ่มเทไปทั้งหมด การซ่อนความรู้สึกบางอย่างนั้นก็ดีเหมือนกันนะ}
ท่าทางของทั้งสองคนที่มองซ่งเจิงราวกับเป็นคนร้ายนั้นได้หายไปในทันที พวกเขาฟังซ่งเจิงพูดถึงสิ่งของที่ได้มาหลังจากที่ได้รับน้ำยาวิวัฒนาการ และฟังจนจบ ดวงตาของเจ้าลิงผอมก็หรี่ลง แล้วมองไปยังร่างของแมวกลายพันธุ์แล้วพูดว่า "น้องซ่ง ถ้าหากว่า…เราจะลองอะไรกันสักหน่อยจะเป็นอะไรรึเปล่า"
ซ่งเจิงลูบหน้าอกของตัวเอง "ทำไมจะไม่ได้ล่ะ !" แล้วเขาก็นำร่างของแมวกลายพันธุ์วางเข้าไปในพื้นที่เก็บของในกระทะเหล็กทันที พี่ชายกุ้ยมองด้วยสายตาแห่งความหวัง เขาตบเข่าตัวเองแล้วพูดออกมาว่า "เจ้าเด็กน้อย ! ครั้งต่อไปเราคงจะได้อาหารเยอะขึ้นแน่นอน ! " เจ้าลิงผอมก็มีดวงตาเปล่งประกายขึ้นมา เขาเริ่มคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์ของการใช้กระทะเหล็กให้ได้คุ้มค่าและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของมันได้แล้ว
หลังจากที่ซ่งเจิงเอาร่างของแมวกลายพันธุ์ใส่เข้าไปในกระทะ เขาก็พึ่งจะนึกอะไรบางอย่างได้ "ผมลืมบอกว่า…แพนเค้กที่พวกเรากินนั้นมันออกมาจากกระทะนี้นะครับ"
"หือ ?" ทั้งสองคนเมื่อได้ยินต่างก็ทำหน้าตาไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าซ่งเจิงต้องการที่จะพูดอะไรออกมากันแน่
"…เราเอาแมวกลายพันธุ์ตัวนี้เข้าไปในกระทะ ไม่แน่ว่าอาจจะได้ลิ้มรสมันจากแพนเค้กที่เรากินเขาไปก็ได้" ซ่งเจิงพูดความคิดของตัวเองออกมาเบาๆ
ทั้งสองคนนิ่งไปชั่วครู่ แล้วก็คิดตามคำพูดของซ่งเจิง ถ้าเป็นแบบนั้น….แล้วที่พวกเขาเคยกินไปก่อนหน้าล่ะ ? เมื่อเช้าพวกเขากินแพนเค้กจากกระทะนี้ไป เมื่อนึกแบบนั้นได้พี่ชายกุ้ยก็รีบพุ่งเข้าไปยังห้องน้ำทันที…ส่วนใบหน้าของลิงผอมนั้นบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด
เมื่อพี่ชายกุ้ยออกมาจากห้องน้ำ เขาเห็นซ่งเจิงกับเจ้าลิงผอมนั่งอยู่บนโซฟาจ้องมองแพนเค้กที่ออกมาจากกระทะอยู่ เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของพี่ชายกุ้ยเดินออกมา ทั้งสองคนก็เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วยิ้มให้อย่างสดใสราวกับดอกไม้บาน
พี่ชายกุ้ยรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที และขนลุกซู่โดยเฉพาะเมื่อเห็นรอยยิ้มของซ่งเจิงแล้วนั้น—มันดูหวานเลี่ยนเหลือเกิน พี่ชายกุ้ยเหงื่อตกทันทีที่เห็นรอยยิ้มของทั้งสองคน
เขารีบนั่งลงบนโซฟาทันที เขานั่งตัวตรงอกผายไหล่ผึ่ง มือทั้งสองข้างวางไว้บนขา สายตามองตรงไปข้างหน้า ซ่งเจิงและเจ้าลิงผอมนั้นสบตากัน แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ซ่งเจิงนั้นแสดงท่าทางออกมาว่า {หรือว่าพวกเราแสดงท่าทีดูเกินไปหน่อยรึเปล่า}
เจ้าลิงผอมนั้นหรี่ตาลง ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ {ไม่นะ พี่ชายกุ้ยไม่ฉลาดขนาดนั้นหรอก}
ซ่งเจิงเกาหัวตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันไปถามพี่ชายกุ้ยในทันที "พี่ชายกุ้ย ไม่รู้สึกอะไรหรือ ?"
พี่ชายกุ้ยเหงื่อตก "ไม่…ไม่นะ…."
ลิงผอมหรี่ตาทั้งสองข้างลง "งั้นนาย…."
พี่ชายกุ้ยรีบพูดขัดขึ้นมาทันที "เพราะว่าน้องซ่งทำให้ฉันกลัวต่างหากล่ะ"
ซ่งเจิงทำตาโตอ้าปากค้าง แล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเอง "ฉันเหรอ ! ไม่ใช่แล้วล่ะ !" ซ่งเจิงแย้งขึ้นมาในใจอย่างเงียบๆ {รอยยิ้มของเราออกจะหวานขนาดนั้น มันจะน่ากลัวตรงไหนกัน ?}
พี่ชายกุ้ยทำท่าทางอ้ำๆอึ้งๆ ก่อนจะพูดเสริมขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆว่า "ครั้งก่อนที่น้องซ่งยิ้มออกมาแบบนี้ กระป๋องผักดองของฉันก็หายไปทันที…"
ซ่งเจิงหน้าตึงขึ้นมาทันที ส่วนลิงผอมเกิดอาการคอตก ใบหน้าของเขาบ่งบอกว่าแผนล้มเหลว คนเห็นแก่กินแบบนี้หากได้รับสารพิษเข้าไป….พวกเขาจะมีปฏิกิริยาต่อมันอย่างรวดเร็ว นี่ถือว่าเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถคาดเดาได้
ซ่งเจิงมีอาการโมโหมาก "เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกัน ! อย่ามาพูดมั่วซั่วนะ !"
ลิงผอมแอบหยิบแพนเค้กชิ้นเล็กๆขึ้นมา แล้วยื่นมันไปให้พี่ชายกุ้ย "กินซะ"
พี่ชายกุ้ยมองอาหารตรงหน้า เขาไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วหยิบมันขึ้นมากิน เมื่อเขากินไปก็เกิดความรู้สึกแปลกใจ "ลิงผอม ทำไมวันนี่นายใจดีจังล่ะ ? ครั้งที่แล้วฉันเอาผักดองของนายมานิดเดียว นายยังชกเข้าที่จมูกและหน้าของฉันอยู่แลย…"
ลิงผอมยั้งมือของตัวเองที่กำลังจะหยิบมีดกริชขึ้นมา {หากนายพูดอีกนิดเดียว ฉันจะจัดการนายแน่ !}
เมื่อพี่ชายกุ้ยกินแพนเค้กจนหมด ซ่งเจิงกับลิงผอมก็หันมาสบตากัน ลิงผอมก็ลองถามพี่ชายกุ้ยอีกครั้ง "…รสชาติเป็นยังไงบ้าง ?"
พี่ชายกุ้ยดูดนิ้วโป้งของตัวเอง และยังคงเงยหน้าขึ้นมาจากการกิน "รสชาติอะไร ? แน่นอนว่ามันอร่อยอยู่แล้ว…." พี่ชายกุ้ยโง่แสนโง่ เขาพึ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนองตอนนี้ ในที่สุดเขาวิ่งไปเข้าห้องน้ำอีกครั้งทันที
ซ่งเจิงมองไปยังพี่ชายกุ้ยที่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว และหันกลับมาพูดกับเจ้าลิงผอมอย่างมั่นใจว่า "มันไม่มีกลิ่นผสมอยู่ในนั้น !"
เจ้าลิงผอมพยักหน้า "ดูเหมือนว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องกลิ่นของแมวกลายพันธุ์ในอาหารแล้วล่ะ…"
พูดจบทั้งสองคนก็แสร้งทำท่าปาดน้ำตาของตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า "พี่ชายกุ้ยผู้น่าสงสาร…"