หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 11 เข้าพบจ้าวตำหนักหยกสุริยัน

  1. หน้าแรก
  2. ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art
  3. ตอนที่ 11 เข้าพบจ้าวตำหนักหยกสุริยัน
Prev
Next

เมืองตงหนิง ภายในห้องหรูหราบนชั้นสามของเหลาสุรา ในชั้นนี้ก็นับว่าเป็นชั้นที่หรูหราชั้นหนึ่ง

 

อวิ๋นฟู่อันที่กำลังดื่มสุราที่พึ่งสุขสม ฟังบทเพลงทำนองเสนาะอันไพเราะ

 

ด้านข้างยังได้มีสตรีชุดเขียวบรรเลงพิณอยู่ ทางหนึ่งดีดพิณขับขานแผ่วเบา นี่ได้ทำให้อวิ๋นฟู่อันต้องส่ายหัวด้วยความเคลิบเคลิ้มเป็นอย่างมาก

 

เพียงการขับร้องบรรเลงทำนองเพียงหนึ่งบท

 

“เซียงยิน บัดนี้การบรรเลงเจ้ายิ่งน่าดึงดูดได้มากยิ่งขึ้นแล้ว ในใจข้าล้วนแต่แทบจะลอยคว้างไปตามการขับขานของเจ้าแล้ว” อวิ๋นฟู่อันกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

“พี่ใหญ่อวิ๋น ท่านชมเชยเกินไปแล้ว ข้ายังนับว่าอ่อนด้อยนัก ยังต้องร่ำเรียนกับท่านอาจารย์อีกมากอักโข” สตรีชุดเขียวกล่าว

 

“นั่นไม่เหมือนกันนั้นไม่เหมือนกัน อาจารย์ท่านนั้นของเจ้าแม้นว่าจะมีความช่ำชองที่ลึกล้ำ แต่ก็อยู่ในวัยที่อายุมากแล้ว กล่องเสียงนั้นจะขับขานสู้เจ้าออกมาได้อย่างไรกัน? ดังนั้นแล้ว ในด้านนี้จะอย่างไรก็ยังคงต้องพึ่งพรสวรรค์ กล่องเสียงของเจ้านี้นับว่ามีความโดดเด่นนัก ไม่ว่าจะขับขานบทเพลงใดก็ล้วนแต่น่าฟังเป็นอย่างยิ่ง” อวิ๋นฟู่อันยังคงกล่าวชมเชย

 

“เช่นนั้นข้าก็คงต้องขับร้องให้พี่ใหญ่อวิ๋นอีกสักบทเพลงแล้ว” สตรีชุดเขียวชม้ายมุมปากยิ้ม แล้วหันกลับไปบรรเลงพิณอีกครา

 

แน่นอนว่าที่นางทำอยู่ย่อมต้องเป็นการกล่อมอวิ๋นฟู่อันเท่านั้น

 

ท่านทวดตระกูลอวิ๋นผู้นั้นมีบุตรห้าหนึ่งบุตรี ในหมู่พี่ใหญ่ทั้งสาม กลับต้องเติบโตขึ้นมาอย่างยากลำบาก ประสบเคราะห์กรรมความยากลำบากร่วมกับผู้เป็นบิดา บัดนี้ต่างก็นับเป็นยอดฝีมือระดับไร้ตำหนิกันแล้ว อีกทั้งยังมีอีกสองท่านที่ล้วนแต่รู้แจ้ง ‘ท่วงท่า’ กันแล้ว นับว่ามีข้อมือที่ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘สามบุรุษตระกูลอวิ๋น’ ในทางกลับกันเจ้าสี่และเจ้าห้ารวมไปจนถึงบุตรีคนสุดท้อง กลับหาได้รับความลำบากอะไรมากมายนัก

 

ก็คล้ายกับอวิ๋นฟู่อัน ในยามที่เขายังเด็ก บิดาก็ได้สำเร็จเป็นเทพอสูร วันเวลาที่ผันผ่านมาจึงเป็นไปได้อย่างราบรื่น เมื่อในเวลานั้นบรรพชนตระกูลอวิ๋นพึ่งจะก้าวข้ามระดับ จดจ่ออยู่การแก่นแท้ของการฝึกปรือ จึงไม่ได้มีเวลามากพอที่จะมาสนใจส่วนสั่งลูกหลาน ดังนั้นลูกทั้งสามคนนี้จึงไม่เอาไหน

 

อวิ๋นฟู่อันกลับไม่ได้มีอะไรมากเป็นพิเศษ เพราะว่าการที่เป็นบุตรชายคนเล็ก ที่เที่ยวเล่นกันอยู่ในกลุ่มลูกหลานคุณชาย จึงมีแต่ความเจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก

 

จากที่สังเกตการณ์กระทำและคำพูด ที่เหยียบย่ำข่มเหงผู้คนล้วนแต่เป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างเฉียบคม เกี่ยวกับการลงมือด้วยวิธีสกปรกเองก็ยังถือว่าจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบ……ดังนั้นสามบุรุษตระกูลอวิ๋นจึงชมชอบน้องชายผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง จึงมักมอบหมายเรื่องต่างๆ ให้น้องชายไปทำได้อย่างวางใจ อีกทั้งน้องชายยังสามารถทำเรื่องต่างๆ ได้อย่างหมดสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว

 

ดังนั้น อวิ๋นฟู่อันที่ถือกุมอำนาจไว้อย่างล้นหลามอยู่ในมือ!คนในตระกูลมากมายก็ล้วนแล้วแต่ก็มีเขาเป็นผู้รับผิดชอบ

 

เขาที่พูดออกมาเพียงประโยคเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้มีชื่อเสียงในใต้หล้านี้มลายหายไปได้ในทันที วาจาเพียงประโยคเดียวที่ทำให้สตรีไม่คุ้นหน้าสามารถมีเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงขึ้นได้

 

“อือ~~” อวิ๋นฟู่อันที่กำลังฟังเสียงทำนองเสนาะอยู่ ก็ได้มีเสียงดังแทรกเข้ามาอย่างแผ่วเบาที่กำลังฟังเสียงทำนองเสนาะ ยังคงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอยู่

 

ทันใดนั้นที่ด้านล่างเหลาสุราก็ได้มีเสียงฮือฮาดังขึ้น อีกทั้งยังเป็นเสียงที่อยู่พอสมควร สิ่งนี้ได้ทำให้อวิ๋นฟู่อันขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

ภายในห้องหรูหราเดิมที่มีแต่เพียงเสียงทำนอง ที่ด้านบนชั้นสามของเหลาสุราเองก็มีห้องหับเพียงห้องเดียว ย่อมต้องเงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง แต่บัดนี้กลับต้องมีเสียงเอะอะดังขึ้นมา

 

“เป็นไปได้ยังไงกัน?” อวิ๋นฟู่อันขมวดคิ้วเอ่ย “อาฟู่ เจ้าลองไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น?”

 

“ขอรับ นายท่าน” ข้ารับใช้ด้านนอกประตูจึงได้เดินลงไปทันที

 

ไม่นานนัก ข้ารับใช้ผู้นั้นก็ได้เดินกลับมาแล้ว ที่ด้านนอกยังได้มีเสียงดังขึ้นมาว่า: “นายท่าน เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”

 

อวิ๋นฟู่อันยกมือขึ้น สตรีชุดเขียวจึงค่อยหยุดการบรรเลงพิณทันที พร้อมกับอยู่ในท่าทีสุขุมทันที เพื่อที่จะไม่เป็นการรบกวนนายท่านอวิ๋นท่านนี้ นางเองก็เป็นคนที่รู้สึกหนักเบาเป็นอย่างดี

 

“เข้ามา” อวิ๋นฟู่อันกำชับ

 

ข้ารับใช้จึงได้ผลักประตูเข้ามา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ: “ไม่แต่เพียงจะเป็นเหลาสุราแห่งนี้ เกรงว่าที่ทั่วทั้งเมืองตงหนิงต่างก็คึกคักกันนั้น ล้วนแต่เป็นเพราะคุณชายเมิ่งชวน”

 

“เขามีเรื่องอะไรกัน?” อวิ๋นฟู่อันขมวดคิ้ว มุมปากยังซ่อนเร้นไว้ด้วยความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย บัดนี้ทั่วทั้งตระกูลเมิ่งของเขาก็คงจะชื่นชมกันไม่คลาย ตระกูลอวิ๋นเขาที่เจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด แต่กลับต้องมาถูกตระกูลเมิ่งทำให้ตกต่ำลง

 

“ในสำนักกระจกทะเลสาบ เมิ่งชวนได้กระตุ้นดาบใบไม้ร่วงเคล็ดวิชาลับสามใบไม้ร่วงออกมาได้แล้ว อีกทั้งยังโค่นล้มแต่เดิมที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักกระจกทะเลสาบ——ผู้ที่อยู่ในขั้นสูงสุดระดับก่อกำเนิดนาม ‘หวู่ฉี่’ จนสำเร็จเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักกระจกทะเลสาบไปในตอนนี้” : ข้ารับใช้เอ่ยปากกล่าว : “สามารถที่จะกระตุ้นเคล็ดวิชาลับออกมาได้ แล้วยังสามารถใช้เพียงระดับชำระแก่นแท้ โค่นล้มขั้นสูงสุดระดับก่อกำเนิดลงได้……เห็นได้ชัดว่าเขาได้รู้แจ้งในวิชาดาบในเคล็ดวิชาลับไปแล้ว นายท่าน——”

 

“ออกไป!”

 

จากนั้นก็ได้ทอสีหน้ามัวหมองหันไปกล่าวต่ออวิ๋นฟู่อันด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

ด้านข้ารับใช้เองก็มิกล้าปริปากออกมาไม่ ทำได้แต่เพียงออกไปอย่างว่าง่าย ออกไปพร้อมกับขณะที่ประตูปิดตัวลงในเวลาเดียวกัน

 

อวิ๋นฟู่อันนั่งลงอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็ได้ยันกายเดินมาจนถึงบริเวณหน้าต่าง พร้อมกับเกิดหน้าต่างออก พร้อมกันนั้นก็ได้มีเสียงดังจากบนถนน

 

“เมิ่งชวน” “เคล็ดวิชาลับ” ยังคงเป็นคำที่ยังสามารถได้ยินอยู่

 

เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ได้กลายเป็นสนใจของทั่วทั้งเมืองตงหนิงในขณะนี้แล้ว

 

“เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ก้าวข้ามระดับแล้วจริงหรือ?” อวิ๋นฟู่อันทอสีหน้ามนหมอง “เหอะ รู้แจ้งเคล็ดวิชาลับแล้วจะยังไง? มิใช่ว่ายังคงห่างไกลจากเทพอสูรอยู่ดี”

 

โครม

 

หน้าต่างพลันถูกปิดลงในทันที

 

……

 

ทั่วทั้งเมืองตงหนิง สามตระกูลเทพอสูรอื่นที่เหลือเองก็รู้สึกสนใจอยู่เหมือนกัน!เพราะว่าก่อนหน้าตระกูลอวิ๋นไม่นาน อีกทั้งยังพึ่งยกเลิกการหมั้นหมาย มิหนำซ้ำยังเป็นสัญญาหมั้นหมายของอวิ๋นชิงผิงและเมิ่งชวน

 

หากทราบว่าเมิ่งชวนสามารถควบคุมเคล็ดวิชาลับได้ด้วยวัยเพียงสิบห้าปี เกรงว่าตระกูลอวิ๋นก็คงจะตัดสินใจเลือกอีกทางแล้ว

 

แต่การกำเนิดสุดยอดผู้มีพรสวรรค์เพียงคนเดียว ก็ยังคงมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ต่ำด้วยอย่างงั้นหรือ?

 

ตระกูลอวิ๋นเองก็ไม่กล้าที่จะชักช้า!

 

เนื่องจากเป็นเพราะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ จากการตั้งสัญญาหมั้นหมาย เมื่อย่างเข้าสู่วัยสิบแปดขวบปีก็จะถือว่าต้องเข้าสู่พิธีสมรส เพราะเมื่อถึงวัยยี่สิบปีก็จะต้องเข้ารับราชการ ตระกูลอวิ๋นจึงไม่กล้าที่จะชักช้า ย่อมต้องยกเลิกสัญญาหมั่นหมายเอาไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

 

“พึ่งจะควบคุมเคล็ดวิชาลับได้ ยังนับว่าห่างจากคำว่าเทพอสูรมากนัก” ตระกูลอวิ๋นเองก็ทำได้แต่เพียงปลอบโยนตัวเองอยู่เช่นนี้

 

……

 

ณ ทะเลสาบจิงหูจวนตระกูลเมิ่ง

 

“อาชวน เจ้าบอกกับข้ามาตามตรง เจ้าใช่ทราบอยู่แล้วใช่หรือไม่ในตอนที่เดิมพันกับข้า ก็ได้ก้าวข้ามระดับแล้วอย่างงั้นหรือ?” หลิ่วชีเยว่จับจ้องไปที่เมิ่งชวน

 

“เจ้านับว่าฉลาดเลยทีเดียว” เมิ่งชวนยิ้มและพยักหน้า “กระนั้นก็พึ่งจะก้าวข้ามมาได้ไม่นานนัก”

 

“เจ้า เจ้า……” หลิ่วชีเยว่ที่ไม่รู้ว่าสมควรที่จะกล่าวอะไรออกมาได้

 

“ข้าเองก็ได้บอกไปแล้วว่าข้าจะเอาตำแหน่งนี้มาให้ได้ เจ้ากลับยังไม่คิดที่จะเชื่อ แล้วยังคิดที่จะมาเดิมกับข้า ยังจะไปโทษใครได้อีก?” เมิ่งชวนยิ้มแล้วถามกลับ “เป็นไรไป เสียใจที่แผนการผิดพลาดอย่างงั้นหรือ?”

 

หลิ่วชีเยว่เพ่งตามอง: “ข้าหลิ่วชีเยว่พูดคำไหนคำนั้นไม่มีทางที่จะคืนคำ!”

 

“เลื่อมใส เลื่อมใส ข้ารู้สึกเลื่อมใสน้องชีเยว่จริงๆ” เมิ่งชวนกล่าวชมเชยออกมาไม่หยุด “เช่นนั้นข้าก็คงจะต้องรอให้น้องชีเยว่เลี้ยงข้าวมื้อเย็นให้แก่ข้าสักหลายเดือนแล้ว”

 

“ก็คิดซะว่าเป็นรางวัลที่อาชวนเจ้ารู้แจ้งเคล็ดวิชาลับเถอะ” หลิ่วชีเยว่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าอาชวนเจ้าจะเจ้าเล่ห์ได้ถึงเพียงนี้”

 

“ชวนเอ๋อ” เสียงๆ หนึ่งก็ได้ดังมาจากในที่ห่างไกล

 

“ท่านพ่อเรียกข้า ข้าคงต้องไปก่อนแล้ว” เมิ่งชวนก็ได้กระโดดจากไปในทันที

 

หลิ่วชีเยว่ส่งเสียงดังชิออกมา: “เจ้าคนหลอกลวง ช่างเก่งกล้าในเรื่องหลอกลวงจริงๆ กระนั้นก็ยังนับว่าร้ายกาจเลยทีเดียว ถึงกับผนวกวิชาดาบเป็นหนึ่งในขั้นแรกได้แล้ว”

 

……

 

ณ ภายในลานฝึกยุทธ์

 

“ท่านพ่อ” เมิ่งชวนยืนอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นบิดา

 

“เจ้าสามารถบรรลุวิชาดาบได้ บิดาเองก็เบิกบานมากเหมือนกัน” เมิ่งต้าเจียงที่กำลังมองไปที่บุตรชาย พร้อมกับกล่าวออกมา

 

“แต่เจ้าเองก็อย่าได้ลำพองหลงระเริงไป ยังมี ‘ท่วงท่า’ ‘หลอมโอสถ’ ‘ด่านเป็นตาย’ อันเป็นสามด่านใหญ่ที่ยังอยู่เบื้องหน้าเจ้าอยู่ ที่จะยากลำบากในทุกย่างก้าว จนทำให้คนข้างกายช่วยเหลือเจ้าได้น้อยนัก ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังทำได้แต่เพียงพึ่งพาตัวเจ้าเองเท่านั้น”

 

“บุตรเข้าใจแล้ว” เมิ่งชวนตอบรับ

 

“เจ้าได้มุ่งมั่นสู่การฝึกปรือมาตั้งแต่ยังเล็ก บิดาเองก็ไม่ขอกล่าวมากความแล้ว จงเพียรพยายามให้มากไว้ ฝึกปรือสำเร็จสู่การเป็นเทพอสูร!” เมิ่งต้าเจียงยังคงกล่าวให้กำลังใจ

 

“อือ” เมิ่งชวนพยักหน้าตอบ

 

“พวกเราเองก็นานแล้วที่ไม่ได้ประลองกัน มาเถอะ พวกเราสองพ่อลูกมาประลองกัน” เมิ่งต้าเจียงยิ้มแล้วกล่าว

 

“ขอรับ!” เมิ่งชวนเองก็เปี่ยมล้นไปด้วยภาวการณ์ต่อสู้

 

แน่นอนว่าผู้เป็นบิดาย่อมต้องเป็นผู้แข็งแกร่งระดับไร้ตำหนิที่ถือครองสภาวะดาบไปแล้ว ในเมืองตงหนิงเองก็นับได้ว่าเป็นดั่งจุดสูงสุดที่เป็นรองแค่เพียงเทพอสูรเท่านั้น ย่อมสามารถจัดการบุตรชายจนอยู่ในสภาพอย่างไรก็อยู่แล้ว

 

……

 

ในยามเย็น

 

เมิ่งชวนที่กำลังวาดภาพอยู่ภายในห้องอักษร นี่กลับถือเป็นภาพม้วนยาวม้วนหนึ่ง เมื่อคืนที่พึ่งวาดการรู้แจ้งสามใบไม้ร่วงไป แต่เมื่อในยามนั้นกลับวาดออกมาเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น

 

บนภาพวาดฉากที่ตนเองเพียรพยายามฝึกปรืออยู่บนลานฝึกยุทธ์ ฉากที่ตนเองได้โค่นล้มหวู่ฉี่บนลานประลองยุทธ์ แล้วยังมีช่วงเวลาที่เดินออกมาจากสำนัก ฉากที่บิดาและผู้อาวุโสทุกท่านมาให้การต้อนรับ บิดายังได้ลูบหัวของตัวเอง ที่ด้านข้างยังได้มีภาพอีกม้วนหนึ่งที่เป็น ‘หลิ่วชีเยว่’ เบิกตากลมโตจับจ้องมองมาด้วยอาการตกใจ

 

เมิ่งชวนฉีกยิ้มขึ้นเล็กน้อยแล้ววาดต่อ เขาที่ได้ทุ่มเทความรู้สึกอันลึกล้ำในใจของตัวเองออกมา ขีดเขียนวาดผ่านปลายพู่กันด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึก

 

ภาพม้วนนี้ ได้มีความรู้สึกอันลึกล้ำแฝงเอาไว้

 

ขณะที่ผ่านไปอย่างเนิ่นนาน

 

ม้วนภาพวาดเมื่อถูกวาดจนเสร็จ เมิ่งชวนก็จึงค่อยได้เงยหน้าขึ้นมามอง มองไปยังด้านนอกหน้าต่างที่เป็นที่ท้องฟ้าได้มืดมิดลง

 

“สามใบไม้ร่วง” เมิ่งชวนเองยังได้สลักอักษรทั้งสามคำนี้ไว้บนทางด้านซ้ายของม้วนภาพวาด

 

ภาพม้วนนี้เรียกกันว่าเป็นสามใบไม้ร่วง

 

ในขณะที่กำลังดูภาพม้วนนี้ เมิ่งชวนเองก็บังเกิดความสงบขึ้นอย่างไร้ที่เปรียบ

 

……

 

เมืองตงหนิงที่อยู่ในช่วงที่คึกคัก

 

บุรุษหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่งก็ได้เดินเข้ามาสู่ถนนหนทางพร้อมกับข้ารับใช้ผู้ชรา

 

“เมืองตงหนิงนี้นับว่าครึกครื้นเลยทีเดียว” บุรุษหนุ่มชุดขาวก็ได้กล่าววาจาประโยคนี้ขึ้น แต่บนใบหน้ากลับไร้ซึ่งอารมณ์

 

“นี่ก็คือเมืองที่มีประชากรกว่าร้อยหมื่น ย่อมต้องครึกครื้นอยู่แล้ว” ข้ารับใช้ผู้ชราตอบ “นายน้อย หลายปีต่อจากนี้พวกเราก็จะมาอาศัยอยู่ในเมืองตงหนิงแล้วอย่างงั้นหรือ? หรือไม่ก็ ไปเมืองโจวดีหรือไม่?”

 

“ที่แห่งนี้นับเป็นบ้านเกิดของมารดาข้า ข้าจะอยู่ที่นี่” บุรุษชุดขาวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

ข้ารับใช้ผู้ชราเองก็อับจนคำพูด

 

อารมณ์ของนายน้อย ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถจัดการได้

 

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสนทนาดังมาจากทางด้านของถนนทางเดิน—— “คุณชายเมิ่งชวนช่างร้ายกาจยิ่งนักถึงกับรู้แจ้งเคล็ดวิชาลับแล้ว บัดนี้เขายังอยู่ในวัยเพียงสิบห้าขวบปีมิใช่หรอกหรือ?”

 

“มิผิด ยังอยู่ในวัยสิบห้าขวบปีเท่านั้น ในความเห็นข้า คุณชายเมิ่งชวนในอนาคตคงจะสำเร็จเป็นเทพอสูรได้แล้ว”

 

จากที่ได้ยินจากคำสนทนาเหล่านั้น ข้ารับใช้ผู้ชราก็ได้หัวเราะพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “คิดไม่ถึงว่าเมืองตงหนิงแห่งนี้จะมีผู้มีพรสวรรค์ด้วย เขากับนายน้อยท่านยังอยู่ในวัยเดียวกันอีกด้วย”

 

“เมิ่งชวน……” บุรุษหนุ่มชุดขาวพลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

“นายน้อย ตามมาทางด้านนี้ด้วย ทางด้านหน้าก็คือตำหนักหยกสุริยันแล้ว” ข้ารับใช้ผู้ชรากล่าว “พวกเรายังคงไปกราบเรียนต่อท่านจ้าวตำหนักหยกสุริยันกันก่อนเถอะ”

 

“อือ” บุรุษชุดขาวพยักหน้า

 

.

 

.

 

.

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "ตอนที่ 11 เข้าพบจ้าวตำหนักหยกสุริยัน"

0 0 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

วิถีสู่สวรรค์
วิถีสู่สวรรค์
มีนาคม 12, 2022
ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ราชันสามภพ
กรกฎาคม 6, 2023
ตำนานเทพปีศาจอมตะ (Immortal Devil Transformation)
ตำนานเทพปีศาจอมตะ (Immortal Devil Transformation)
มีนาคม 12, 2022
davisam
จักรพรรดิเทพมรณะ
มกราคม 14, 2023
มหายุทธทลายดารา!
มหายุทธทลายดารา!
มีนาคม 12, 2022
กลืนดารา (Renew)
กลืนดารา (Renew)
พฤษภาคม 17, 2022
Tags:
กำลังภายใน
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (4)
  • แฟนตาซี (162)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz