Castle of Black Iron - Chapter 1905: กวาดล้างปิศาจ (VII)
Chapter 1905: กวาดล้างปิศาจ (VII)
ผลจากการโจมตีของ จางเทีย เองก็ทรงพลัง คลื่นกระแทกนั้นแผ่ไปทั่วทุกทิศทางจนทำให้พื้นดินสั่นไหวราวกับคลื่น เพราะการโจมตีนี้ทำให้ม่านแสงของบอลสวรรค์นั้นต้องสั่นไหวอย่างแรง ในเวลาเดียวกันชั้นแสงก็สั่นไหวราวกับคลื่น อีกอย่างแล้วคลื่นนี้ยังแผ่ออกไปอีก..
มีหลุมขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 20,000 ม.ปรากฏขึ้นมาที่พื้นในส่วนที่กระบองฟาดลงไป อีกอย่างแล้วการโจมตีของ จางเทีย ก็ยังแตะไปโดนส่วนล่างของม่านสวรรค์ลึกลงไปในหลุมกว่า 200 ม.และส่งต่อพลังงานจำนวนมากไปยังม่านนี้ ดังนั้นมันจึงได้รับผลกระทบอย่างมาก นอกจากนี้แล้วหลุมลึกยังรายล้อมไปด้วยหมอกเลือดสีแดงม่วงซึ่งเกิดขึ้นจากพลังฉี, เลือด,พลังงานและธาตุของของจักรพรรดิปิศาจเทียม
เมื่อเห็นพลังฉีนี้ปะทุขึ้นมาบนท้องฟ้า นายพลมนุษย์และนายพลปิศาจหลายคนก็ไม่อาจจะเชื่อสายตาตัวเอง
จักรพรรดิปิศาจเทียมนั้นถือว่าไร้เทียมทานในดินแดนโม่เทียนถูกฆ่าโดย จางเทีย ด้วยการฟาดกระบองไปใน 3 ครั้ง
มันไม่ใช่การต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 แต่เป็นการต่อสู้ระหว่าง 1 คนกับ 1 กองทัพของปิศาจแสนตัวและจักรพรรดิปิศาจทั้งสองแต่ในการต่อสู้นี้ จางเทีย ได้ทำบางอย่างที่เขาคิดไม่ถึงมาก่อน — เขาบดขยี้จักรพรรดิปิศาจเทียมและทำให้กองทัพปิศาจต้องรู้สึกร้อนรนได้
เมื่อเห็นลำแสงนั้นปะทุขึ้นมาบนท้องฟ้าด้านในม่านแสง แม้แต่จักรพรรดิดาวที่กำลังโจมตีม่านแสงก็ยังเผยสีหน้ากลัวออกมา
'จางเทียฆ่าจักรพรรดิปิศาจเทียมด้วยการฟาดกระบองไปเพียง 3 ครั้ง ถ้าเขาสู้กับข้าล่ะ ? '
ความช็อกปกคลุมไปทั่วทั้งในหมู่มนุษย์และปิศาจ ภายใต้บทเพลงของ จางเทีย เขาได้ฆ่าจักรพรรดิปิศาจเทียมด้วยวิธีที่รุนแรงที่สุด หลังจากนั้นก็มีบทเพลงดังขึ้นมาต่อ พร้อมกับลำแสงจากจักรพรรดิปิศาจเทียม
สำหรับปิศาจและจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำแล้ว บทเพลงแบบนี้ถือว่าเป็นเวทย์ที่ถึงกับชีวิตและบทเพลงแห่งความตายซึ่งทำให้วิญญาณของพวกมันต้องสั่นไหว
" ผู้ชายไม่ควรหวงแหนชีวิตของตัวเอง เราควรรักษารอยยิ้มแม้ว่าจะโดนฆ่า แม้ว่าเครื่องในจะถูกฉีกกระชากไปในสนามรบแต่ข้าก็ไม่รู้สึกผิดที่ได้อยู่กับต้นหญ้า ผู้ชายไม่ควรตัวสั่นเพราะความกลัว ข้าจะแบ่งปันบทเพลงนี้กับเจ้า ถ้าเราฆ่าสิ่งมีชีวิต เราจะรู้สึกผิด ถ้าเราฆ่าศัตรูนับหมื่น เราจะกลายเป็นวีรบุรุษ ถ้าเราฆ่าศัตรูได้ล้านตัว เราจะกลายเป็นวีรบุรุษของวีรบุรุษ.."
ในตอนที่ฮัมเพลงนี้ จางเทีย ได้ปล่อยพลังฉีแล้วพุ่งเข้าหาจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำทันที
จักรพรรดิปิศาจภูเขาดำรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถ้ามันยังขัง จางเทีย ไว้ในม่านแสงนี้ มันก็ต้องโดน จางเทีย ฆ่า จากนั้นปิศาจตัวอื่นๆที่พื้นก็จะโดนฆ่าไปด้วย
'ข้าจะทนการโจมตีจาก จางเทีย ได้กี่ครั้งกัน 4 รึ 5 ? ข้าต้องแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองแม้ว่าต้องเจ็บตัวบ้าง ไม่งั้นแล้วข้าอาจจะต้องตายได้ '
เมื่อเห็น จางเทีย พุ่งเข้ามาหาและกองทัพมนุษย์ที่กำลังเข้ามาใกล้ จักรพรรดิปิศาจภูเขาดำก็ได้กัดฟันแน่นและได้ตัดสินใจสิ่งเดียวที่ถูกต้องในวันนี้ — มันบดขยี้บอลสวรรค์ในมือก่อนจะรีบหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
ม่านของบอลสวรรค์แตกออกจากกันในเสี้ยววินาที ตอนที่พวกปิศาจพบว่าจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำหนีไปแทนที่จะสู้กับ จางเทีย พวกปิศาจนายพลสูงสุดดตัวอื่นๆก็รู้ตัวว่าควรจะต้องทำอะไร พวกมันต่างก็พากันกระจายตัวกันหนีทันที
การตายของจักรพรรดิปิศาจเทียมนั้นได้ทำลายขวัญกำลังใจของกองทัพปิศาจไปแต่การหนีของจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำนั้นเป็นฟางเส้นสุดท้าย
กองทัพปิศาจนั้นราวกับภูเขาที่พังลงปิศาจทุกตัวหนีไปทุกทิศทาง
ในหลายๆครั้งการที่เราจะรอดไปได้จากสนามรบหรือไม่นั้นไม่เกี่ยวข้องกับพลังแต่เป็นความเร็ว
" ตายซะ.." – จักรพรรดิพลังได้ฟันดาบเข้าใส่ปิศาจบางตัว เมื่อแสงดาบส่องประกายออกมา พวกปิศาจก็ถูกเฉือนเป็นชิ้นๆ
กองทัพมนุษย์กว่าแสนคนแห่กันเข้าหาศัตรูพร้อมกับเสียงโห่ร้อง ตอนนั้นขบวนรบของปิศาจได้ตกอยู่ในความวุ่นวาย มันเป็นโอกาสหายากที่สวรรค์ส่งมา แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับจัดการพวกศัตรู
ตอนที่กองทัพมนุษย์ได้เข้ามาในชั้นแสงซึ่งได้สลายหายไปแล้ว พวกแนวหน้าก็ได้ลงไปที่พื้นด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นแบบนั้นนายพลมนุษย์ต่างพากันรู้สึกลนลานขึ้นมา
" ระวัง นายพลไม่อาจจะบินได้ในเขตนี้ ลงไปที่พื้นแล้วก่อตั้งขบวนเอาไว้ก่อนจะพุ่งเข้าไปในชั้นแสง ! " นายพลของวังอมตะคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเพื่อหยุดคนอื่นๆไม่ให้เข้าไปในชั้นแสงเผื่อว่าจะเกิดปัญหา ไม่งั้นแล้วขบวนรบของมนุษย์ก็อาจจะล่มสลายเหมือนกับของปิศาจ
ในเขตอากาศนั้น หลังจากที่ได้รับผลจากพลังของ จางเทีย ไม่มีปิศาจรึมนุษย์เลยสักคนที่บินได้ ดังนั้นนายพลมนุษย์จึงรีบลงไปที่พื้นและพุ่งเข้าหาปิศาจที่กำลังหนี
กองทัพปิศาจกว่าแสนตัวถอยกลับไปที่พื้นโดยมีกองทัพมนุษย์ไล่ตาม ฉากแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในประวัติศาสตร์สงครามระหว่างมนุษย์กับปิศาจในดินแดนโม่เทียน มันน่าตกใจจริงๆ !
เอาจริงๆแล้ว จางเทีย ไม่คิดว่าจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำนั้นจะตัดสินใจที่จะหนี ผลก็คือกองทัพปิศาจล่มสลายทันทีหลังจากที่จักรพรรดิปิศาจเทียมโดนฆ่า ดังนั้นแผนการเก็บกวาดปิศาจกว่าแสนตัวของเขาจึงต้องพังลงไป
จักรพรรดิปิศาจภูเขาดำนั้นอยู่ตรงหน้า จางเทีย ความเร็วในการหนีของจักรพรรดินั้นยอดเยี่ยมแต่เมื่อเห็นปิศาจหลายตัวที่หนีไปทุกทิศทางราวกับมดที่พื้นแล้ว จางเทีย ก็ตระหนักได้ว่านี่เป็นโอกาสที่หายากในการจัดการกับหมาจนตรอก ถ้าเขาพลาดโอกาสนี้ไป มันคงน่าเสียดาย
' ข้าจะทำการฆ่าในวันนี้ '
ตะกี้ในม่านแสง จางเทีย ไม่อาจจะใช้ทักษะต่อสู้บางอย่างได้ หลังจากที่จักรพรรดิปิศาจภูเขาดำได้ทำลายบอลสวรรค์ไป มันก็ได้เปิดโอกาสให้กองทัพปิศาจหนีและทำให้ จางเทีย ใช้ความสามารถของเขาได้อย่างเต็มที่
แค่เพียงโคจรพลังวิญญาณไม่กี่วินาทีเขาก็ได้แยกเส้นพลังงานสองเส้นจากมิติ หลังจากนั้นก็มีฟ้าผ่าลงไปที่ปิศาจซึ่งกำลังหนีไปในส่วนด้านหน้า
ในเสี้ยววินาทีแสงหนึ่งก็ได้ส่องประกายที่พื้นราวกับดวงอาทิตย์ ภายใต้แสงสีขาวและคลื่นความร้อนนี้ ปิศาจกว่าพันตัวในระยะ 13 ไมล์ได้หายไปทันที…
หลังจากนั้นอีกไม่กี่วินาที ก่อนที่แสงสุดท้ายจะหายไป พวกปิศาจที่ลนลานก็ได้เห็นแสงสีขาวผ่าลงมาที่พื้นที่ในส่วนปิศาจส่วนมากอยู่โดยห่างจากเดิมไป 30 ไมล์ ผลก็คือปิศาจกว่าพันตัวได้หายไปราวกับควัน…
จากนั้นก็ครั้งที่ 3, 4, 5…,10….20
แสงสีขาวนี้ผ่าลงไปยังพื้นที่ที่มีปิศาจเกาะกลุ่มกันอยู่ เมื่อไหร่ก็ตามที่แสงนี้ผ่าลงไป มันจะมีปิศาจนายพลสูงสุดในระยะ 13 ไมล์ไม่กี่ตัวที่รอดไปได้ ปิศาจตัวอื่นที่ระดับต่ำกว่านั้นจะหายไปทันที
แม้ว่าจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำจะอยู่นำหน้าของกองทัพปิศาจแต่มันก็ยังจับตาดู จางเทีย อยู่ เมื่อเห็นแสงสีขาวนั้น มันก็รู้สึกได้ว่าแสงนี้เกิดขึ้นจาก จางเทีย แม้ว่าปิศาจตัวอื่นจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ทักษะแบบนี้น่ะร้ายแรงสำหรับขบวนรบ แสงสีขาวเหล่านี้ได้ทำลายความกล้าที่มีอยู่ของจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำ ผลก็คือมันได้กัดลิ้นตัวเองและหนีไปราวกับสายฟ้า
ดังนั้นปิศาจกว่าแสนตัวและจักรพรรดิปิศาจหนึ่งตัวจึงถูก จางเทีย ไล่ตามราวกับหมา ทุกตัวคิดแค่เรื่องหนีโดยไม่สนศพของเพื่อนตัวเอง
ความเร็วของนายพลปิศาจนั้นไม่ได้ช้า อีกอย่างแล้วไม่นานหลังจากที่หลุดออกจากม่านแสงมาไม่กี่ไมล์ ปิศาจทุกตัวก็พบว่าความสามารถในการบินของมันกลับมาแล้ว จากนั้นพวกมันก็พากันตื่นเต้นขึ้นมา พวกมันพากันขึ้นบินกระจายตัวออกไปราวกับแมลงวัน
" จัดขบวนรบเพื่อขวางทาง จางเทีย เอาไว้.." – จักรพรรดิปิศาจภูเขาดำสั่งการไปยังปิศาจนายพลสูงสุดซึ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุดในหมู่ลูกน้องของมันด้วยท่าทีลนลาน
..
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากระบองนั้น ขบวนรบของปิศาจเกราะเหล็กนายพลสูงสุด 3 ตัวก็ได้กลายเป็นเถ้าไปทันที
หลังจากนั้นไม่นานระยะห่างระหว่างจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำกับ จางเทีย ก็มากกว่า 70 ไมล์..
ตอนนั้นมีปีกสีทองปรากฏขึ้นมาด้านหลัง จางเทีย ในเสี้ยววินาที จางเทีย ก็เร่งความเร็วขึ้นแล้วไล่ตามจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำไปพร้อมกับจ้องไปที่เป้าหมาย…
…
ในสายตาของกองทัพมนุษย์,จักรพรรดิพลังและจักรพรรดิดาวนั้น จางเทีย ที่ไล่ตามจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำไปในลักษณะลำแสงสีทอง ในพริบตาเดียวทั้งสองก็ได้หายไปจากที่ราบเทพ
มนุษย์กว่าแสนคนแห่กันเข้ามาแล้วพากันฆ่าปิศาจที่กำลังหนีได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายแล้วเพราะปิศาจพากันกรระจายตัวกันหนี นายพลมนุษย์จึงไม่อาจจะรักษาขบวนเอาไว้ได้และทำการไล่ตามพวกปิศาจไป
พวกปิศาจนั้นเสียกำลังใจไปแล้วและต้องการเพียงแค่หนีแทนที่จะสู้
มนุษย์กว่าแสนคนได้ไล่ตามปิศาจและทำการฆ่า ครึ่งชั่วโมงต่อมามนุษย์ก็ได้ไล่ปิศาจที่เหลือออกจากที่ราบเทพไปได้…
ตอนนั้นเองก็มีลำแสงพลังฉีสีแดงพุ่งขึ้นมาบนฟ้าห่างออกจากที่ราบเทพทางตะวันตกไปกว่าหมื่นเมตรซึ่งคล้ายกับลำแสงจากจักรพรรดิปิศาจเทียมบนที่ราบเทพ ลำแสงทั้งสองนี้ยังไม่สลายหายไปแม้ว่าจะผ่านมานานแล้วก็ตาม..
มนุษย์ทุกคนต่างก็อึ้ง พวกเขาต่างก็มองไปยังลำแสงทั้งสองและคิดว่าพวกเขาได้เห็นตำนาน
…
หลังจากนั้นสักพักก็มีปีกสีทองบินเข้ามาหา มันได้ทำลายท้องฟ้าของที่ราบเทพก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปยังเขตใหญ่จักรพรรดิมังกร…